ซึ่งผลกระทบจากฝุ่นควันและมลภาวะไม่ใช่ปัญหาของอังกฤษประเทศเดียว แต่ทั่วโลกโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆล้วนกำลังประสบกับวิกฤติฝุ่นควันที่กระจายตัวอยู่ในอากาศในระดับที่เห็นชัดด้วยตาเปล่า
และถ้าดูสถิติจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ระบุไว้ว่า ปัจจุบันมีประชากรถึง 91% จากทั่วโลกที่ต้องใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหาด้านคุณภาพอากาศ และในแต่ละปีมีประชากรกว่า 4.2 ล้านคน ที่เสียชีวิตด้วยโรคหรืออาการที่มีสาเหตุจากมลพิษในบรรยากาศทั่วไป ไม่ว่าจะมาจากควันเสียจากยานพาหนะ การเผาขยะ การเผาเชื้อเพลิงต่างๆ รวมถึงการเผาเพื่อการเกษตร และมีประชากรอีกกว่า 3.8 ล้านคน เสียชีวิตจากมลพิษภายในอาคาร เช่น ควันไฟที่เกิดจากการปรุงอาหาร การเผาไหม้เชื้อเพลิงในเตา และสารเคมีต่างๆที่ใช้ภายในบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่กรณีนี้มักจะเกิดในในประเทศที่มีรายได้ต่ำจนถึงปานกลางหลายคนอาจจะตกใจว่าแค่มลพิษหรือฝุ่นควันที่ลอยอยู่ทั่วไปในอากาศส่งผลให้มีการเสียชีวิตมาดขนาดนี้ได้ยังไง แต่จริงๆมันส่งผลมากกว่าที่คิด ตั้งแต่ผลกระทบในระยะสั้นที่จะสร้างภาระต่อระบบทางเดินหายใจ ระคายเคืองดวงตาและผิวหนัง ไปจนถึงผลกระทบในระยะยาวอย่างโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มะเร็งปอด โรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ชี้ว่าฝุ่นควันมลพิษมีส่วนทำให้หญิงตั้งครรภ์คลอดก่อนกำหนด ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่อสุขภาพของทารถด้วย
มาดูอันดับประเทศที่มีมลพิษในอากาศเกินค่ามาตรฐาน โดยเว็บ airnow.gov ที่มีการจัดอันดับไว้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจากข้อมูลของช่วงเช้าวันนี้พบว่าพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศย่ำแย่ที่สุดอยู่ที่เมืองกัลกัตตาของอินเดีย วัดค่ามลภาวะได้สูงถึง 397 AQI สูงกว่ากรุงเทพถึง 2 เท่า ขณะที่หลายเมืองในยุโรปก็กำลังประสบปัญหาหมอกควันพิษ โดยเฉพาะเมืองซาราเยโวของบอสเนียมีค่ามลภาวะสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกที่ 288 AQI จนล่าสุดมีประชาชนออกมาประท้วงให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา
ส่วนประเทศไทย ภาพรวมของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพและเชียงใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วดัชนีมลพิษในอากาศสูงเป็นต้นๆ แต่ล่าสุดตัวเลขก็เริ่มลดลงจนกรุงเทพขยับลงมาอยู่ในอันดับที่ 25 ช่วงเช้าวันนี้ มีค่ามลภาวะ 157 AQI และเชียงใหม่อยู่ในอันดับที่ 43 มีค่ามลภาวะ 87 AQI ซึ่งถือว่าน้อยลงจากช่วงสัปดาห์ที่แล้วที่ทั้งกรุงเทพและเชียงใหม่ติดอันดับ 8-9 ของพื้นที่ที่มีมลภาวะสูงสุดในโลก แต่ในระดับปัจจุบันก็ยังถือว่าสูงเกินค่ามาตรฐานที่ องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ และในบางพื้นที่ของกรุงเทพและปริมณฑลยังมีมลพิษอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก
ขณะที่ภาครัฐยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนและชัดเจนต่อวิกฤติฝุ่นควันและมลภาวะทางอากาศ สิ่งแรกที่เราต้องคำนึงก็คือการป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษสูง ส่วนหลังจากนี้ก็ได้หวังว่ารัฐบาลทั่วโลกจะมีมาตรการแก้ปัญหามลพิษที่ยั่งยืนโดยเร็วก่อนที่ผลกระทบจะร้ายแรงไปมากกว่านี้