จากท่าทีที่แข็งกร้าวของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงที่ออกมา ถัดมาอีกไม่นาน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชกรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ดำเนินการควบคุมตัว 'กาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์' นักกิจกรรมทางการเมือง ตามหมายจับ ฐานกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14
ตามข้อเท็จจริง 'กาณฑ์' เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ร่วมกันต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในนามกลุ่มคนอยากเลือกตั้งร่วมกับ 'จ่านิว' สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ และ รังสิมันต์ โรม ซึ่งปัจจุบันเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่
ทั้งนี้ จ่านิว' สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เป็นคนแรกๆ ที่ทราบถึงการจับกุมดังกล่าวพร้อมแจ้งข่าวสารให้สาธารณะทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับแสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวตั้งแต่คืนวันที่ 7 ต.ค.
"ว่าด้วยเรื่อง กาณฑ์ถูกจับ นี่คงเป็นการสร้างผลงานของ รมต.จีอี และหวังเชือดไก่ให้ลิงดู แต่อาจจะผิดคาด เพราะคนอาจจะสาธุการกัน? แต่เราๆ ท่านๆ อย่าเลยครับ มันไม่ควรมีใครแม้แต่คนเดียวต้องถูกกฎหมายปิดปากประชาชน ทำร้ายจองจำ แม้จะเห็นต่างกับเราก็ตามแม้ว่าจะพอคาดการณ์ว่ามันต้องโดนแน่ พยายามเฉยและปล่อยวางไป เพราะเมื่อก่อนก็เตือนมาตลอดแต่พอเห็นข่าว ก็อดใจหายและเป็นห่วงไม่ได้..."
แต่ถึงกระนั้น ณ วันนี้ 'จ่านิว' เปิดเผยกับเนชั่นสุดสัปดาห์ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับกาณฑ์มาเป็นเวลานานแล้ว
"ผมไม่ทราบอะไรมากครับ เพราะเขาก็บล็อคเฟซบุ๊กผมไปแล้ว ผมก็รู้รายละเอียดไม่ชัดเจนมาก ระยะหลังมานี้ไม่ได้ทำกิจกรรมด้วยกันแล้วครับ ก่อนหน้านี้มีการทำกิจกรรมในนามของคนอยากเลือกตั้งแค่นั้น" จ่านิวเกริ่นนำ
ต่อมา 'สิรวิชญ์' บอกถึงบทบาททางการเมืองและการกิจกรรมของกาณฑ์ที่ร่วมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่า "หลักๆ จะเป็นโฆษกหรือพิธีกรมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวกับการกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เพราะการจะกำหนดทิศทางการทำงานหรือการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะต้องคุยกันหลายฝ่าย และตัวเขาเองก็ไม่ได้มีส่วนกำหนด เพราะเขาเป็นเพียงผู้ร่วมคนหนึ่งที่เข้ามาเป็นพิธีกรหรือโฆษกบนเวทีเท่านั้น ที่เข้ามาก็ช่วยส่วนนี้เท่านั้น"
อย่างไรก็ตาม จ่านิว ยอมรับว่า ในการทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกันก่อนหน้านี้มีปัญหาและความขัดแย้งทางความคิดกันอยู่บ้าง จนในที่สุดกาณฑ์ตัดสินใจถอยห่างจากกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในเวลาต่อมา
"มันก็พอมีอยู่บ้าง แต่ว่ากาณฑ์มีปัญหามากที่สุด เพราะเขามักจะทำอะไรที่ไม่สอดคล้องกับมติหรือข้อตกลงร่วมกัน และอีกอย่างมักจะไปแสดงความคิดเห็นในทำนองกล่าวหาบุคคลอื่น ทำให้เราต้องตักเตือนเขาหลายครั้ง พอเตือนเขามากๆ เขาก็ไม่โอเคกับเรา เพราะหาว่าเราไปประนีประนอมกับคนโน้นคนนี้ ไม่พอใจเลยเป็นปัญหากัน จนเขาแยกตัวออกไป จากนั้นก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย พอไปเตือนหรือไปว่าเขาหน่อย เขาก็บล็อคเลยครับ"
ถึงที่สุดแล้ว แม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน แต่จ่านิวยืนยันว่า ยังมีความห่วงใยให้กับเพื่อนคนนี้เสมอและขอให้ทนายความต่อสู้คดีอย่างเต็มที่เพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
"เราได้รับติดต่อจากทางทนายความว่าเขาโดนจับ เราก็ได้แต่ฝากให้ช่วยดูแลเรื่องข้อกฎหมาย พอเขามีทนายความแล้วพวกเราก็เบาใจและปล่อยให้ทนายความจัดการตามกระบวนการอย่างเต็มที่ เราก็ได้แต่ติดตามและสอบถามจากทนายความเท่านั้น แม้โดยส่วนตัวจะไม่ได้คุยกับเขาแล้วแต่ก็มีความเป็นห่วงเรื่องการถูกลิดรอน สิทธิเสรีภาพโดยกฎหมาย" จ่านิวทิ้งท้าย