เป้าหมายของ "พ.ร.บ. EEC"
หลังจากมีการประกาศให้จังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา เป็นเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวนั้นมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจสูง ทั้งนี้เพื่อเป็นการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ทำให้จำเป็นต้องมีการร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ ไปพร้อมกับพัฒนาเมืองให้มีความทันสมัยระดับนานาชาติ รวมทั้งให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบกิจการและผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวโดยเฉพาะ พร้อมกับผลักดันแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกปี 2560-2564 ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ลดต้นทุนโลจิสติกส์
2. เพื่มฐานภาษีของรัฐบาลให้ใหญ่ขึ้น
3. ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
4. ยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ของประชาชน
5. ส่งเสริมเศรษฐกิจให้ขยายตัว 5%/ปี มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 100,000 คน/ปี และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน/ปี อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการจัดทำแผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
อานิสงส์ด้านการท่องเที่ยว บนพื้นที่พัทยา
ประกาศใช้ พ.ร.บ. EEC แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
แน่นอนว่าหลังจากที่ประกาศใช้ พ.ร.บ. EEC ที่ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วนั้น สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนคือ การเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติมากขึ้น เพื่อให้กระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออก ส่งผลพลอยได้ให้คุณภาพชีวิตของคนภาคตะวันออกดีขึ้น แม้ตอนนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมเท่าไรนัก แต่ถ้าหากสังเกตภาคการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ จะเริ่มเห็นการตื่นตัวอย่างเห็นได้ชัด
ด้านการท่องเที่ยว ด้วยอานิสงส์ของแผนพัฒนาเส้นทางคมนาคม ทั้งการขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่เชื่อมต่อ 3 สนามบิน ดอนเมือง อู่ตะเภา และสุวรรณภูมิ แม้ขณะนี้โครงการดังกล่าวยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่เริ่มเห็นสีสัน ความคึกคักของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่พัทยากลางและระยอง โดยหลังจากประกาศให้เขตพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เน้นกลุ่มครอบครัว ส่งสัญญาณโตต่อเนื่อง ทั้งนี้คาดว่าหลังจากประกาศใช้ พ.ร.บ. EEC จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพื่มขึ้นเป็น 47 ล้านคน จาก 30 ล้านคนในปัจจุบัน ส่งผลให้ประชาชนได้รายได้ 5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ได้รายได้ 3 แสนล้านบาท
ด้านอสังหาริมทรัพย์ หลังจากมีการประกาศให้จังหวัดชลบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่ EEC ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ ต่างเร่งสะสม Land Bank เพื่อพัฒนาที่ดินให้เป็นโครงการอสังหาฯ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่และท้องถิ่น ส่งผลให้มูลค่าที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีปรับตัวสูงขึ้นเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากกรุงเทพฯ
มูลค่าที่ดินภาคตะวันออกปรับตัว! ส่งผลราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 50%
เมื่ออุตสาหกรรมต่างๆ เดินหน้าลงทุนตามแผนพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกตามโครงการ EEC ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคัก ทั้งนี้เพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานที่ย้ายตามแหล่งงาน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มูลค่าของที่ดินปรับสูงขึ้น เนื่องจากมีการเก็งกำไรจากการขายที่ดิน จึงส่งผลให้ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯ มีราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50% โดยมีการเปิดเผยข้อมูลจากนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี พบว่า ราคาที่ดินจากเดิมอยู่ที่ไร่ละ 2-3 ล้านบาท ปัจจุบันปรับขึ้นเป็น 5 ล้านบาท โดยเฉพาะราคาที่ดินติดชายหาดมีการปรับราคาค่อนข้างสูง จากเดิมอยู่ที่หลักหมื่นต่อตารางวา ปัจจุบันอยู่ที่ 200,000 250,000 บาท/ตารางวา
ทั้งนี้แม้ว่าขณะนี้จะมี พ.ร.บ. EEC เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติรวมถึงผู้ประกอบการในไทยประกอบธุรกิจได้ง่าย ประกอบกับส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนนั้นดีขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามต่อไปว่า ข้อกำหนดที่ถูกระบุไว้ใน พ.ร.บ. EEC จะสามารถเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนในท้องที่ได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนหรือไม่
เรื่องข้างต้นเขียนโดย อารยา ศิริพยัคฆ์ Senior Digital Content Producer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com
บทความข้างต้นเผยแพร่ครั้งแรกที่ DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์ ที่รวบรวม ข่าว ทิปส์ในการซื้อขายอสังหาฯ และรีวิวโครงการใหม่ ไว้กว่า 10,000 บทความ