เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลนัดพร้อมและไต่สวนคดีหมายเลขดำ อท.14/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อายุ 68 ปี อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และน.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาว อายุ 41 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน เป็นพนักงาน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อการกระทำอย่างใดในหน้าที่ ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ , เป็นพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้อแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิตามสัญญาแก่หน่วยของรัฐ และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตาม พ.รบ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 , 11 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนรอราคาหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 12 จากกรณีรับเงินตอบแทน สามี-ภรรยาชาวสหรัฐอเมริกา นักธุรกิจภาพยนตร์ เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2002 - 2007 (หรือปี พ.ศ.2545 2550) มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท โดยอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 25 ส.ค.58 ที่ผ่านมา
โดยนางจุฑามาศ อดีตผู้ว่าฯ ททท. เดินทางมาพร้อม น.ส.จิตติโสภา บุตรสาว และนายธนากร แหวกวารี ทนายความ ซึ่งก่อนหน้านี้ นางจุฑามาศ และ น.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 1 2 ได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี วงเงินประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท
ขณะที่วันนี้ ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังแล้วสอบคำให้การ ซึ่งนางจุฑามาศ และ น.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 1 2 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอสู้คดี
ด้านอัยการโจทก์ ได้แถลงบัญชีพยานที่จะนำสืบต่อศาล รวม 211 อันดับ ประกอบด้วยพยานบุคคลสวน 25 ปาก ซึ่งเป็นคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง คณะอนุกรรมการไต่สวน ของ ป.ป.ช. และพยานในสำนวน ของ ป.ป.ช. รวม 24 ปาก รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศ
ส่วนทนายความจำเลย ยื่นบัญชีพยาน 97 อันดับ และขอให้ศาลออกหมายเรียกเอกสารบางฉบับซึ่งอยู่ในการครอบครองของบุคคลอื่น
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า อัยการโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลและพยานเอกสารแล้ว แต่ในส่วนของจำเลยยื่นบัญชีพยานและเอกสารไม่ทันตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด อีกทั้งจำเลยยังไม่ได้ยื่นแนวทางต่อสู้คดี โดยจำเลยอ้างว่ายังไม่พร้อมเนื่องจากเอกสารบางฉบับเป็นภาษาอังกฤษยังไม่ได้แปล และเอกสารบางส่วนอยู่กับบุคคลภายนอก ซึ่งจำเลยทั้งสองทราบเรื่องการฟ้องคดีมาตลอดหากจะจัดเตรียมพยานหลักฐานย่อมทำได้โดยใช้เวลาไม่นาน แต่ขณะนี้ล่วงมา 2 เดือนเศษจำเลยก็ไม่ดำเนินการตามที่ศาลสั่ง พฤติการณ์ของจำเลยทำให้สงสัยว่าจะต่อสู้คดีหรือประวิงเวลา
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ใช้ระบบการไต่สวน จำเลยจึงอาจไม่คุ้นเคย ประกอบกับคดีมีอัตราโทษสูง เห็นควรให้จำเลยได้มีโอกาสในการต่อสู้คดีเต็มที่ จึงให้โจทก์และจำเลยยื่นบัญชีพยานและแนวทางการต่อสู้คดีภายในวันที่ 18 ม.ค.59 และกำชับหากจำเลยไม่ดำเนินการตามที่กำหนดจะถือว่าจำเลยไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวน โดยให้นัดพร้อมและไต่สวนอีกครั้ง ในวันที่ 1 ก.พ. 59 เวลา 09.00 น.
ภายหลัง นางจุฑามาศ อดีตผู้ว่า ททท.กล่าวว่า ตนพร้อมต่อสู้คดี โดยได้ให้การปฏิเสธทุกข้อหาในชั้นศาลไปแล้วเมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่หากจะมีการขอตัวไปดำเนินคดีที่สหรัฐฯ ในคดีที่สามี-ภรรยานักธุรกิจสหรัฐได้ถูกดำเนินคดีจากเหตุดังกล่าวไปแล้ว นางจุฑามาศ กล่าวว่าไม่เป็นห่วงเพราะคดีเป็นคนละส่วนกัน