svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาหาร

ถอดรหัส ‘สามเกลอ’ เครื่องปรุงคู่ครัวไทยกับสรรพคุณที่ซ่อนไว้ในเมนู

แกะความลับของคำศัพท์ในครัว “สามเกลอ” เครื่องปรุงรสจากธรรมชาติที่มากด้วยสรรพคุณ เคล็ดลับความอร่อยฉบับครัวไทยแท้ๆ ของรากผักชี กระเทียม พริกไทย สามสหายขวัญใจคนไทยมาช้านาน

เมื่อ "สามเกลอ" สมญานามของดีสามอย่าง อันประกอบด้วยรากผักชี กระเทียม และพริกไทย ถูกนำมาโขลกรวมกันไว้เพื่อใส่ในอาหารไทยนับไม่ถ้วน ชวนให้สงสัยถึงสรรพคุณทางยาที่บรรพบุรุษซ่อนไว้ในภูมิปัญญาก่อนจะสืบทอดมาเป็นมรดก ร่วมไขความลับเครื่องชูรสจากธรรมชาตินี้ไปพร้อมๆ กัน

“สามเกลอ” มีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นหอม เนื่องด้วยมีส่วนประกอบจากรากผักชีและกระเทียมที่มีน้ำมันหอมระเหย เมื่อตำให้แตกตัวหรือโขลกให้ละเอียดจะทำให้น้ำมันหอมระเหยออกมา ใช้ช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ในการหมักหรือประกอบอาหาร ส่วนพริกไทยจะใช้เพิ่มความหอมและรสชาติเผ็ดร้อนช่วยชูรสตำรับอาหารให้จัดจ้านยิ่งขึ้น โดยสามเกลอถูกนำมาใช้ตั้งแต่ในเมนูอาหารว่าง เช่น หรุ่ม ล่าเตียง หมูโสร่ง ปั้นสิบไส้ปลา ขนมปังหน้าหมู ถั่วแปบไส้กุ้ง ฯลฯ ในอาหารประเภทแกง เช่น ต้มจืด (ใส่ในหมูปั้นก้อน) อาหารประเภทผัดกระเทียมพริกไทย ทั้งยังใช้หมักเนื้อสัตว์ก่อนนำไปย่างหรือทอด ดังนั้น ไม่ว่าจะอาหารว่างหรืออาหารไทยก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนใหญ่หัวใจหลักคือ “สามเกลอ”

ถอดรหัส ‘สามเกลอ’ เครื่องปรุงคู่ครัวไทยกับสรรพคุณที่ซ่อนไว้ในเมนู

การใช้ “สามเกลอ” เครื่องปรุงชั้นดี

ต้มในน้ำซุป คนไทยนิยมนำสามเกลอที่ผ่านการโขลกจนเนื้อเนียนละเอียด หรือบุรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเบาๆ ต้มในน้ำซุป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมนูแกงจืดแบบไทยๆ รากผักชีจะช่วยชูรสชาติและความหอมของน้ำซุป กระเทียมช่วยดับกลิ่น และพริกไทยช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อน จนได้เป็นน้ำซุปที่มีรสชาติกลมกล่อมและหอมอย่างลงตัว 

หมักกับเนื้อสัตว์ นอกจากจะมีประโยชน์ในการทำน้ำซุปแล้ว หลายครัวเรือนยังใช้ “สามเกลอ” ในการหมักเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อชนิดอื่นๆ แค่นำสามเกลอที่ได้จากการโขลกจนเนื้อเนียนละเอียดไปหมักให้ทั่ว หลังจากนั้นนำไปประกอบอาหาร จะช่วยเพิ่มความหอมละมุนในรสชาติอาหารขึ้นได้มากเลยทีเดียว

ใช้ผัดหรือทอด "สามเกลอ" ช่วยทำให้เมนูผัดหอมขึ้นแค่โขลกรวมกันจนเนื้อเนียนละเอียดแล้วนำไปผัดหรือเจียวบนกระทะร้อนๆ บอกเลยว่าได้ไม่ใช่แค่รสชาติที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้กลิ่นหอมที่ยากจะอดใจไหว จนใครได้ลองเป็นต้องติดใจทุกราย เมนูแนะนำ ตับทอดกระเทียมพริกไทย ปลาทอดกรอบ หรือผัดผักรวมมิตร

เคล็ดลับเก็บ “สามเกลอ” ให้เอาไว้ใช้ได้นาน

การเก็บสามเกลอให้อยู่ได้นาน ต้องเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่  ไม่ควรใช้รากผักชีที่ใกล้เน่าหรือฉ่ำน้ำ หรือกระเทียมที่ราขึ้นเด็ดขาด เพราะจะส่งผลต่ออายุการเก็บของสามเกลอนั่นเอง วิธีการคือนำสามเกลอที่โขลกเอาไว้แล้วมาแบ่งใส่ถุงเล็กๆ เก็บใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง สามารถเก็บได้แรมเดือน ครั้นเมื่อจะใช้ให้นำออกมาไว้นอกตู้เย็น รอให้สามเกลอคลายความเย็นแล้วนำไปใช้ได้ตามต้องการ วิธีการนี้เหมาะสำหรับคนที่ปรุงอาหารอยู่บ่อยๆ เพราะหากจะโขลกสามเกลอเองทุกครั้งอาจเสียเวลา ทำเก็บไว้แบบนี้สะดวกและช่วยทุ่นเวลาได้ด้วย

สรรพคุณที่ซ่อนอยู่ใน “สามเกลอ“

ถอดรหัส ‘สามเกลอ’ เครื่องปรุงคู่ครัวไทยกับสรรพคุณที่ซ่อนไว้ในเมนู 10 ประโยชน์เพื่อสุขภาพของ "กระเทียม"

1. แก้ปัญหาผมหลุดร่วง คงเป็นปัญหากวนใจใครหลายๆ คน โดยเฉพาะสาวผมยาว และผมที่ผ่านการทำเคมีต่างๆ เช่น การดัด ย้อม หรือยืด รู้ไหมว่ากระเทียมช่วยยับยั้งปัญหาเหล่านี้ได้ เพียงแค่ฝานกระเทียมเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำมานวดศีรษะ หรือจะผสมลงในออยล์แล้วนำมานวดศีรษะก็ได้เช่นกัน เพราะในกระเทียมมีอัลซิลิน (allicin) และซัลเฟอร์ (sulfur) สูง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดปัญหาผมหลุดร่วง

2. ช่วยรักษาสิว กระเทียมถือเป็นยารักษาสิวจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เพราะมีแอนตี้ออกซิแดนท์ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เราจึงสามารถนำมาฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ โดยฝานกระเทียมสดบางๆ แล้วนำมาประคบลงบนสิวเบาๆ ทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างออกด้วยนำสะอาด

3. ป้องกันและรักษาโรคหวัด ถ้าเรามีสารแอนตี้ออกซิแดนท์พอเพียงในระบบภูมิคุ้มกัน เราก็จะป่วยได้ยาก คงจะดีไม่น้อยหากเราจะเพิ่มสารแอนตี้ออกซิแดนท์ให้ร่างกายมีกำลังไปต่อสู้กับโรคต่างๆ ด้วยการรับประทานกระเทียมเป็นประจำ แต่หากโรคหวัดเข้ามาคุกคามเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถไล่หวัดได้ง่ายๆ ด้วยการหั่นกระเทียมเป็นแว่น แช่ในน้ำร้อนประมาณ 2-3 นาที แล้วกรองเอากากออก จิบเป็นชากระเทียมอุ่นๆ ก็ดี หรือถ้าทนกลิ่นไม่ไหว จะเติมน้ำผึ้งหรือน้ำขิงเข้าไปสักหน่อย

4. บรรเทาอาการอักเสบจากโรคสะเก็ดเงิน เมื่อกระเทียมมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ดังนั้นจึงช่วยบรรเทาอาการอักเสบจากผื่นแดงได้ดี โดยเฉพาะผื่นแดงที่เกิดจากโรคสะเก็ดเงิน ให้ทาน้ำมันกระเทียมบริเวณที่เป็นแผล เพื่อให้สะเก็ดหลุดไป และลดผื่นแดงบนผิวหนังก็ได้

5. ช่วยควบคุมน้ำหนัก ผลการศึกษาจาก Nutritionist Cynthia Sass ที่ทำการศึกษากับหนูที่กินกระเทียมพบว่า หนูที่กินกระเทียมมีน้ำหนักและการสะสมของไขมันลดลง ฉะนั้นก็พยายามกินกระเทียมที่ผสมอยู่ในอาหารกันเยอะๆ หรือสำหรับคนที่ทนกลิ่นไม่ได้จริงๆ ก็เลือกกินอาหารเสริมอย่างเช่น กระเทียมอัดเม็ด

6. ถอนเสี้ยน เสี้ยนที่ตำเท้าหรือมือเราให้เจ็บแปลบ สามารถกำจัดได้ง่ายๆ ด้วยการแปะกระเทียมฝานบางๆ แล้วพันทับด้วยผ้าพันแผล วิธีนี้เป็นวิธีธรรมชาติที่ใช้กันมายาวนาน และได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีที่ได้ผลจริงด้วย

7. กำจัดกลิ่นเท้า ปัญหากลิ่นเท้าเกิดจากการที่เท้าเจอความอับชื้น ทำให้เกิดเชื้อรา ตามมาด้วยกลิ่นอันไม่พึงประสงค์และอาการคัน แต่เราสามารถแก้ปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยการแช่เท้าลงในน้ำอุ่นผสมกระเทียมบด ทิ้งไว้สักพัก กลิ่นไม่พึงประสงค์และอาการคันก็จะหายไป เพราะในกระเทียมมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา

8. ไล่ยุงและแมลงสัตว์กัดต่อย แม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่ฟันธงว่ากระเทียมจะสามารถไล่ยุงและแมลงได้ แต่ก็มีผลการวิจัยจากประเทศอินเดียที่พบว่า คนที่ทากระเทียมลงบนแขนขา จะโดนยุงและแมลงสัตว์กัดต่อยทุกชนิดรบกวนน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ทา เลยแนะนำให้ทำยากันยุงง่ายๆ ด้วยการผสมน้ำมันกระเทียม ปิโตรเลียมเจล และขี้ผึ้งเข้าด้วยกัน หรือจะทากระเทียมสดๆ ลงบนแขนขาเพื่อป้องกันยุงก็แล้วแต่สะดวก

9. รักษาโรคส่าไข้ โรคส่าไข้เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Human Herpesvirus Type 6(HHV 6) ซึ่งอาการของโรคจะคล้ายคลึงกับโรคหัด หรืออีสุกอีใส เพราะจะเกิดตุ่มแดง และแผลอักเสบบนร่างกาย ซึ่งวิธีรักษาด้วยธรรมชาติที่เห็นผลก็คือ นำกระเทียมบดมาประคบลงบนแผลโดยตรง เพื่อรักษาอาการอักเสบและลดอาการบวม ร่วมกับการรับประทานอาหารเสริมจากสารสกัดกระเทียม เช่น กระเทียมอัดเม็ด หรือน้ำมันกระเทียมก็จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

10. ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง กระเทียมสามารถช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่นวดยาได้ดีมากขึ้นนั่นเอง

ถอดรหัส ‘สามเกลอ’ เครื่องปรุงคู่ครัวไทยกับสรรพคุณที่ซ่อนไว้ในเมนู

17 ประโยชน์และสรรพคุณ “พริกไทย”

  1. ช่วยขับลมในลำไส้  ขับลมในท้อง
  2. แก้ปวดท้อง
  3. ช่วยขับไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย
  4. ใช้เป็นสมุนไพรลดน้ำหนัก
  5. แก้ลมวิงเวียน
  6. ช่วยย่อยอาหาร
  7. แก้ลมพรรดึก (ก้อนอุจจาระที่แข็งกลม)
  8. แก้อติสาร (โรคลงแดง)
  9. แก้ลมจุกเสียด แก้แน่น ปวดมวนในท้อง
  10. แก้เสมหะ แก้ไอ
  11. บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร ขับผายลม
  12. ช่วยให้เจริญอาหาร
  13. ขับเหงื่อ ลดความร้อนในร่างกาย
  14. ช่วยขับปัสสาวะ
  15. เป็นยาอายุวัฒนะ
  16. แก้ลมชัก แก้โรคลมบ้าหมู
  17. แก้ตาแดง

บัญชียาจากสมุนไพรที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) ปรากฏการใช้พริกไทยในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆ ของร่างกาย รวม 2 ตำรับ คือ
1. ยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ปรากฏตำรับ “ยาประสะกานพลู” มีส่วนประกอบของพริกไทยร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย เนื่องจากธาตุไม่ปกติ
2. ยารักษากลุ่มอาการทางสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ปรากฏตำรับ “ยาประสะไพล” มีส่วนประกอบของพริกไทย ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ ใช้ในสตรีที่ระดูมาไม่สม่ำเสมอ หรือมาน้อยกว่าปกติ
ตำรายาไทยพริกไทยจัดอยู่ใน “พิกัดตรีกฎุก” แปลว่าของที่มีรสร้อน 3 อย่าง เป็นพิกัดยาที่ประกอบด้วยเครื่องยา 3 อย่าง ในปริมาณเสมอกันคือ เมล็ดพริกไทย เหง้าขิงแห้ง และดอกดีปลี มีสรรพคุณแก้โรคที่เกิดจากวาตะ(ลม) เสมหะ และปิตตะ(ดี) ในกองธาตุ กองฤดู กองอายุ และกองสมุฏฐาน “พิกัดตัวยาเผ็ดร้อน 6 ชนิด” คือการจำกัดจำนวนตัวยาเผ็ดร้อน 6 ชนิด คือ พริกไทย ดีปลี ผลผักชีลาใบแมงลัก ผลกระวาน ใบโหระพา มีสรรพคุณแก้ลมจุกเสียด ช้ำบวม ช่วยย่อยอาหาร
พริกไทยใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญในยาแผนโบราณของจีนและอินเดีย ใช้แก้หวัด ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดประจำเดือน คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย
ยังมีอีกพิกัดหนึ่งคือ ตรีวาตผล เป็นพิกัดของยาที่มีสรรพคุณแก้ลม ประกอบด้วย ลูกสะค้าน เหง้าข่า และรากพริกไทย ใช้แก้ในกองลม แก้แน่นในทรวงอก แก้เสมหะ แก้เลือด บำรุงไฟธาตุ สรรพคุณที่เด่นที่สุดของพริกไทยก็คือ เป็นยาอายุวัฒนะ ดังปรากฏอยู่ในตำรับยาอายุวัฒนะโบราณของไทยที่รู้จักกันแพร่หลาย เช่น ตำรับยาวิเศษ ที่มาแต่เมืองพิษณุโลกตอนหนึ่งว่า “ถ้าจะให้เจริญอายุ ให้เอาเหงือกปลาหมอ 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ตำเป็นผงละลายน้ำกินทุกวัน ถ้ากินได้ 1 เดือนจะหมดโรค และมีสติปัญญานักแล...” อีกตำรับหนึ่งเป็นตำรายาพิเศษของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ พระมหาสมณเจ้า ชื่อยา “ไม่แก่เดินคล่อง” บอกสรรพคุณว่ากินแล้วไม่แก่เฒ่า อายุ 75 ปี ยังเดินขึ้นเขาได้สบาย และยังมีบุตรได้ เป็นต้น ยาขนานนี้ประกอบด้วย ทิ้งถ่อน ตะโกนา บอระเพ็ด แห้วหมู เมล็ดข่อย พริกไทย และน้ำผึ้ง นับเป็นตำรับยาอายุวัฒนะที่รู้จักแพร่หลายที่สุดในประเทศไทยปัจจุบัน
ประโยชน์ในการลดความอ้วน ปัจจุบันได้มีผลการวิจัย จากประเทศสหรัฐอเมริกา ยืนว่าพริกไทยดำ สามารถลดความอ้วนได้จริง และสามารถลดน้ำหนัก ได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจาก ในพริกไทยดำ มีส่วนประกอบของสาร “ไพเพอร์รีน” ที่มีคุณสมบัติ ในการต่อต้านความอ้วน พริกไทยดำ มีจุดเด่นในเรื่องของ ความฉุน และรสชาติที่เผ็ดร้อน ช่วยในการควบคุม การก่อตัวของเซลล์ไขมันใหม่ให้ลดลง พร้อมกับทำลายเซลล์ไขมันเก่า ที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย ให้มีจำนวนลดลง และกลับมาอ้วนได้ยากขึ้น และเข้าไปกระตุ้น การหลั่งของกรด ในกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกาย เผาผลาญพลังงาน ที่ได้รับจาการรับประทานอาหาร ไปใช้ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ทำให้ไม่เกิดการสะสมของไขมัน ซึ่งเป็นสำเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดความอ้วน 
1. โดยจะนำมาทำ เป็นส่วนผสมของยาลด หรืออาหารเสริมลดน้ำหนัก มักนิยมนำพริกไทย มาป่นให้ละเอียด และผสมกับสมุนไพรตัวอื่น แล้วบรรจุลงแคปซูล หรืออัดเป็นเม็ด 
2. นำน้ำมันพริกไทยดำ มาผสมกับครีม หรือนำพริกไทยป่นมาผสมกับ น้ำมันมะกอก แล้วเอามาทา หรือนวดวน ๆ ที่บริเวณต้นแขน ต้นขา จุดที่เป็นเปลือกส้ม ไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าจุดนั้นเริ่มร้อน

ถอดรหัส ‘สามเกลอ’ เครื่องปรุงคู่ครัวไทยกับสรรพคุณที่ซ่อนไว้ในเมนู ประโยชน์ดีๆ ของ “รากผักชี”

รากผักชี (Coriander root) เป็นสิ่งที่คนไทยใช้ในการประกอบอาหารมาตั้งแต่อดีต ถ้าไม่ใส่ก็เหมือนกับขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง ผักชีเป็นผักที่มีกลิ่นหอมจึงสามารถนำมาทำอาหารได้แทบทุกส่วนของต้น ไม่ว่าจะเป็นลำต้น ราก ใบและลูก รากผักชีมักใช้ร่วมกับกระเทียมแต่งกลิ่นแกงจืดให้หอม อีกทังยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย

ผักชีไทย สามารถลดระดับของคอเลสเตอรอล ประเภทที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเสริมสร้างการผลิตคอเลสเตอรอลที่ดีต่อร่างกายให้เหมาะสมกับความต้องการ  ช่วยเสริมระบบการย่อยอาหาร และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งได้อีกด้วย

รากผักชี เป็นเครื่องเทศที่นิยมนำมาหมักเนื้อสัตว์ เพื่อดับกลิ่นคาว และเพิ่มความหอม โดยเฉพาะอาหารที่ปิ้งย่าง รากผักชี ยังมีประโยชน์ช่วยไล่พิษไข้เหือด หิด อีสุกอีใส ทั้งยังมีสรรพคุณทางยาดังนี้

• มีฤทธิในการขับลม ขับปัสสาวะ

• บำรุงและรักษาสายตา

• ลดระดับน้ำตาลในเลือด

• แก้อาการหวัด อาการไอ

• แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน

• บำรุงกระเพาะอาหาร

• ช่วยกระตุ้นการทำงานของเลือดพลาสมา