โลกในฝันของ GAP?

ซึ่งไม่น่าสงสัยนักว่าทำไมรอบนี้ GAP จึงมาแนวนี้ เพราะหนังโฆษณาชุดใหม่นี้ กำกับโดย Edward Enninful ที่เขาเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งใหญ่อย่างบก.Vogue UK คนใหม่ และงานนี้ก็ยังลองมาทำงานกำกับหนังโฆษณาเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย
โดย Enninful นั้น เขาเป็นคนผิวดำเชื้อสายกาน่า ที่อพยพมาอาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่ตอนเป็นเด็กวัยรุ่น ซึ่งแน่นอนว่า เขาเข้าใจดีถึงประเด็นการเลือกปฏิบัติและเหยียดเชื้อชาติสีผิว
โดย Enninful ได้ทำการคัดเลือกนายแบบนางแบบ รวมทั้งนักแสดง ให้มาร่วมแสดงในหนังโฆษณาชุดนี้ ที่เน้นให้เห็นถึงความหลากหลายของเชื้อชาติและสีผิวของผู้คนบนโลก ที่ไม่ได้มีเพียงแค่คนผิวดำหรือผิวขาวเท่่านั้น
แต่ว่ายังมีทั้งคนเอเชีย จีน แขก ละติน รวมทั้งลูกผสมอีกหลากหลายเชื้อชาติ
ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องเชื้อชาติ แต่ความหลากหลายของผู้คนบนโลก ยังรวมไปถึงเรื่องอายุอีกด้วย
ซึ่ง Enninful ตั้งใจให้นายแบบนางแบบทุกคน ใส่เสื้อผ้าในสไตล์เดียวกัน ด้วยชุด"เสื้อขาวกางเกงยีนส์"ของ GAP เพื่อสื่อเรื่องความเท่าเทียมให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
ที่แม้ว่าทุกคนจะมีเชื้อชาติสีผิวและที่มาแตกต่างกัน แต่ใครๆก็สามารถใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันได้ ไม่มีการแบ่งแยก สะท้อนให้เห็นความเป็น One World ทีี่ทุกคนอาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกัน
ลองมาดูกันว่า ส่วนหนึ่งของนางแบบในโฆษณา GAP ชิ้นล่าสุดนี้ แต่ละคนมีที่มาที่แตกต่่างหลากหลายกันแค่ไหน?
1.Priyanka Chopra อินเดีย

นักแสดงสาวบอลลีวูด ทีี่กำลังมาแรงในแวดวงฮอลลีวูดและงานพรมแดงระดับโลกต่างๆที่ตอนนี้ไม่ว่า Priyanka จะไปโผล่ที่งานไหน เธอก็สามารถเพิ่มสีสันให้กับงานนั้นได้ตลอด
ด้วยความสวยคมแตกต่างสไตล์สาวแขก และความเซ็กซี่ที่ดูมีความเป็นอินเตอร์รวมทั้งความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว เพราะเธอเคยใช้ชีวิตเรียนหนังสืออยู่ในสหรัฐฯตั้งแต่เด็กๆ จึงทำให้ Priyanka มีความได้เปรียบสาวๆเอเชียคนอื่น ในการก้าวเข้าสู่การมีชื่อเสียงในระดับโลก
ล่าสุด เธอได้ร่วมแสดงในหนังฮอลลีวูดไปแล้วกับหนัง Baywatch ที่ Priyanka ได้บทตัวร้ายสำคัญของหนัง ประชันบทบาทกับพระเอกดังฮอลลีวูดอย่าง The Rock และ Zac Efron
2.Alek Wek ซูดาน

นางแบบดังที่วัยเด็กยากลำบาก เพราะเกิดและใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสงครามกลางเมืองของซูดาน ที่ทวีความหนักหน่วงจนทำให้เธอและครอบครัว ต้องอพยพลี้ภัยสงคราม มาปักหลักใช้ชีวิตอยู่ทีี่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเป็นการถาวร
ซึ่ง Alek ถือเป็นนางแบบโลกคนแรกๆ ที่ได้รับการยอมรับในความงามแบบที่เป็นตัวของตัวเองของเธอ ด้วยสีผิวดำสนิท ผมสั้นเกรียน และหน้าตารูปร่างที่สวยแปลกแบบชนเผ่าดั้งเดิมในอัฟริกา ที่เธอได้เปิดประตูให้ความงามในรูปแบบทีี่หลากหลาย ถูกยอมรับในระดับสากล
3.Fernanda Ly ออสเตรเลีย-จีน

เห็นหน้าตาของเธอแล้ว ก็แน่นอนว่า ทุกคนต้องฟันธงว่าเธอเป็นนางแบบจากประเทศจีน แต่ในความเป็นจริง เธอเป็นจีนแค่เชื้อชาติ
เพราะจริงๆแล้ว Fernanda เป็นสาวออสซี่ ที่พูดภาษาจีนไม่ได้นอกจากภาษาอังกฤษ เป็นสาวจีนที่เติบโตในออสเตรเลีย
ความโดดเด่นที่ทำให้เธอกลายเป็นที่ต้องการตัวในวงการแฟชั่นโลกตอนนี้ ก็มาจาก"ความมั่นใจ"ในสไตล์ของตัวเองล้วนๆ
โดย Fernanda เป็นผู้หญิงที่ชอบเล่นสนุกกับแฟชั่น"สีผม"ที่ตั้งแต่เด็กๆ เธอชอบย้อมผมเป็นสีต่างๆ ย้อมผมบ่อยแบบไม่กลัวผมจะเสียซึ่งในที่สุด เธอก็มาลงตัวกับ"สีชมพู"
ซึ่งดูเธอจะเชื่อมั่นว่า ผมสีนี้ถูกโฉลกกับตัวเธอที่สุด เพราะหลังจากนั้น เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนสีผมไปเป็นสีอื่นอีกเลยและดูเหมือนว่า เธอจะคิดถูกเสียด้วย เพราะผมสีชมพูนี่เอง ที่ทำให้ Fernanda ไปสะดุดตาแมวมอง และนำพาเธอมาไกลถึงการเป็นนางแบบระดับโลก ด้วยความสวยแตกต่างไม่เหมือนใครและหาใครเหมือนได้ยาก หน้าหมวยแต่ดูโฉบเฉี่ยว ที่มาพร้อมผมยาวสีชมพูหน้าม้า
4.Christie Brinkley สหรัฐฯ

ความเท่าเทียมกัน ไม่ไช่แค่เรื่องเชื้อชาติและสีผิว แต่ยังรวมถึงเรื่อง"อายุ"ด้วย เพราะสิ่งหนึ่งที่มักถูกแบ่งแยกอยู่เสมอในสังคม ก็คือเรื่องข้อจำกัดทางอายุ
แต่ก็มีหลายคนที่สามารถพิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่า สิ่งที่สังคมคิดเกี่ยวกับประสิทธิภาพและคุณภาพของคนว่าจะต้องลดลงเมื่อสูงอายุขึ้น เป็นความคิดที่ผิด
และหนึ่งในนั้นก็คือนางแบบ Christie Brinkley ในวัย 63ปี และมีลูกสาวสองคน ที่ลูกคนโตของเธออายุ 30กว่าปีแล้วนั้น แต่ Brinkley ก็ยังสามารถทำงานนางแบบ และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความสดใหม่ ได้ไม่ต่่างจากตอนที่เธอเริ่มโด่งดังด้วยอาชีพนางแบบเมื่อตอนช่วงปลายยุค 70เลย ที่ตอนนั้น เธอคือหนึ่งในขวัญใจอเมริกันชน จากการเป็นนางแบบหุ่นเซ็กซี่ใส่บิกินี่บนหน้าปก Sport Illustrated สุดคลาสสิค ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนลุกขึ้นมาออกกำลังกาย เพราะอยากมีหุ่นดีแบบ Brinkleyและในวัย 63 เธอก็ได้ถ่ายแบบใส่บิกินี่ลง Sport Illustrated อีกครั้ง พร้อมกับลูกสาวทั้งสอง และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนลุกขึ้นมาดูแลและเอาใจใส่สุขภาพของตัวเองกันอีกครั้ง