7 ข้าวสวยพันธุ์ไทยกินไปได้กี่แคล เปิดลิสต์ตัวเลือกเพื่อสายเฮลตี้

"ข้าว" อาหารหลักของไทยนี่แหละ นับเป็นสุดยอดอาหารเพราะอุดมด้วยโภชนาการล้นเหลือ โดยเฉพาะข้าวพันธุ์ไทยที่มีการวิจัยแล้วว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง ดังนั้น ใครที่กำลังคุมแคลอรี่ นับเเคลอรี่ ลดน้ำหนักแบบคุมคาร์โบไฮเดรต หรือกำลังกังวลเกี่ยวกับการเลือกรับประทานข้าว มาดูกันดีกว่าว่า 7 ข้าวสวยพันธุ์ไทยกินไปได้กี่แคล!!

1. ข้าวขาว 

• ข้าวขาว ให้พลังงาน 351 กิโลแคลอรี่ ต่อข้าวปริมาณ 100 กรัม

เป็นข้าวที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ในประเทศไทย เช่น  ข้าวเสาไห้  ข้าวเหนียวกอเดียว  ข้าวเหลืองอ่อนข้าวเหลืองประทิว เป็นต้น ก่อนหุงจะเป็นเมล็ดข้าวสีขาวนวล เรียว ยาว พอหุงสุกแล้วจะขึ้นหม้อ ไม่บูดง่าย ที่สำคัญราคาค่อนข้างถูก

แต่ด้วยการที่ข้าวขาวผ่านกระบวนการนำไปกะเทาะเปลือกออก จากนั้นค่อยนำไปขัดสีเอาส่วนเยื่อหุ้มออกไปอีกที ทำให้ประโยชน์หลายอย่างหายไปจากกระบวนการนี้ ทั้งเส้นใย โปรตีน (กรดอะมิโนบางชนิด) และวิตามิน  ตลอดจนแร่ธาตุต่าง ๆ  โดยข้าวขาวจะให้เส้นใยเพียง 1.3 กรัมเท่านั้น ต่อข้าวปริมาณ 100 กรัม เเต่ข้าวขาวก็ยังเป็นข้าวพันธุ์ที่นิยมรับประทานกันมากที่สุด

2. ข้าวไรซ์เบอร์รี่

• ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ให้พลังงานประมาณ 370 กิโลแคลอรี่ ต่อข้าวปริมาณ 100 กรัม 

ข้าวไรซ์เบอรี่เกิดจากการผสมของสายพันธุ์ข้าวเจ้าหอมนิล และข้าวขาวดอกมะลิ 105 รั้งตำแหน่งตัวเลือกซูเปอร์ฟู้ดสำหรับผู้หญิงและหมู่รักสุขภาพ โดย ข้าวไรซ์เบอรี่ จัดเป็นข้าวจ้าว ลักษณะมีสีม่วงเข้ม เป็นการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมา โดยไนไรซ์เบอรี่มีสารที่สำคัญตัวหนึ่งชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” ซึ่งเจ้าสารตัวนี้สามารถต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน เป็นต้น นอกจากนี้ ไรซ์เบอรี่ยังมีสาร สารแกมมาโอไรซานอล ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล ทั้งยังช่วยลดคอเรสเตอรอลได้อีกด้วย

หลายคนอาจตกใจว่าข้าวไรซ์เบอร์รี่ให้พลังงานสูงกว่าข้าวขาวทั่วไปอีก เเต่จริงๆ เเล้วข้าวไรซ์เบอร์รี่มีประโยชน์จัดเต็ม เพราะข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ที่จะช่วยให้เราอิ่มนาน เเละไม่รู้สึกหิวระหว่างวัน เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับคนลดน้ำหนักเลยก็ว่าได้ เพราะช่วยให้ลดการกินจุดจิกระหว่างวัน ไปได้อย่างมาก โดยในไรซ์เบอรี่ 100 กรัม จะให้ใยอาหาร 4 กรัม จึงจัดได้ว่าไรซ์เบอรี่ เหมาะมากเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงในเอท

3. ข้าวกล้อง 

• ข้าวกล้อง ให้พลังงาน 223 กิโลแคลรี่ ต่อข้าวปริมาณ 100 กรัม 

ข้าวกล้อง  (Brown Rice) หรือที่เรียกกันว่าข้าวซ้อมมือ เป็นอีกหนึ่งในข้าวเพื่อสุขภาพที่หลายๆ คนมักนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ข้าวกล้องเป็นข้าวที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดสี หรือผ่านกระบานการเพียง 1 ครั้งเท่านั้น เเละข้าวกล้องก็ยังคงส่วนของรำข้าวเเละจมูกข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ทั้งสารอาหารเเละวิตามินเเละกากใยที่มากกว่าข้าวขาว ธรรมดาถึง 3 เท่าเลยทีเดียว

เมล็ดของข้าวกล้องจะมีสีที่คล้ำกว่าข้าวขาว ประโยชน์เด่นของข้าวกล้อง อาทิ  มีใยอาหารสูง ช่วยสร้างสมดุลระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น ช่วยลดอาการท้องผูก ไม่มีไขมันทรานส์เเละคอเลสเตอรอล มีไฟโตคอลเเละแร่ธาตุบางชนิดที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้  มีซิลิเนียมช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันเเละควบคุมต่อมไทรอยด์ และมีวิตามินที่ช่วยบำรุงร่ายกาย ช่วยเพิ่ลพละกำลัง ป้องกันการอ่อนเพลียได้

4. ข้าวหอมนิล

• ข้าวหอมนิล ให้พลังงาน 366 กิโลแคลรี่ ต่อข้าวปริมาณ 100 กรัม 

ข้าวหอมนิล หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าข้าวก่ำ เป็นข้าวเม็ดสีดำโดยธรรมชาติ มีการสีข้างเพียงหนึ่งครั้ง ทำให้คุณค่าทางโภชนาการของข้าวหอมนิลยังอยู่ครบถ้วน อีกทั้งยังมีรสชาติที่อร่อย หอมโดดเด่นอีกด้วย จุดเด่นของข้าวหอมนิล คือ มีสารกาบา (Gaba) สูงกว่าข้าวกล้องหรือข้าวทั่วไปหลายเท่าตัว ช่วยป้องการโรคอัลซัลเมอร์หรือโรคเกี่ยวกับระบบสมองเเละประสาท

ประโยชน์ของข้าวหอมนิล คือ มีโปรตีน 12.5% ถือว่าสูงกว่าข้าวกล้องทั่วไปถึง 7 เท่า มีคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าข้าวชนิดอื่น เหมาะกับผู้ต้องการลดน้ำหนักเเละควบคุมปริมาณแป้ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ สูงกว่าข้าวทั่วไป ถึง 7 เท่า ช่วยชะลอความแก่เเละช่วยให้ผิวพรรณดี ทั้งยังมีเส้นใยสูงจึงมีส่วนช่วยในระบบขับถ่ายและป้องกันมะเร็งลำไส้ 

 

5. ข้าว กข 43 

• ข้าว กข 43  ให้พลังงาน 359 กิโลแคลรี่ ต่อข้าวปริมาณ 100 กรัม 

ข้าว กข 43 หรือ RD 43 เป็นข้าวที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากข้าวจ้าว 2 สายพันธุ์ คือ ข้าวเจ้าหอมสุพรรณบุรี(พันธุ์แม่) กับพันธุ์สุพรรณบุรี 1 (พันธุ์พ่อ) ลักษณะของข้าว กข 43 คือ มีความหอมและอ่อนนุ่ม รับประทานง่าย

คุณสมบัติพิเศษของข้าวสายพันธุ์นี้ คือปริมาณน้ำตาลที่ต่ำกว่าพันธุ์อื่น และเมื่อทานเข้าไปแล้วจะย่อยแป้งเป็นน้ำตาลช้ากว่าสายพันธุ์อื่นๆ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดของเราไม่พุ่งสูงขึ้นไว เราจึงรู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวไว ส่งผลให้ไม่ทานบ่อยนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า ข้าวสายพันธุ์ กข 43 เหมาะกับผู้ที่เป็นเบาหวาน รวมถึงผู้ที่อยู่ในช่วงไดเอท สำหรับประโยชน์ของข้าว กข 43 คือมีน้ำตาลต่ำ มีคาร์โบไฮเดตรที่ย่อยได้ดีกว่าข้าวทั่วไป มีคุณค่าทางโภชนาการเเละสารอาหารครบถ้วน

 

6. ข้าวกล้องงอก 

ข้าวกล้องงอก เป็นข้าวที่เกิดจากกระบวนการงอก โดยการแช่น้ำทิ้งไว้จนข้าวงอกออกมา ทำให้สารอาหารที่อยู่ในข้าวสูงขึ้น ทั้งใยอาหาร กรดไฟติก วิตามินซี วิตามินอี สูงขึ้น โดยเฉพาะกาบา (Gaba)  ที่สูงขึ้นกว่าข้าวกล้องปกติ โดยข้าวกล้องงอกผ่านกระบวนการสีข้าวเพียงครั้งเดียว เพื่อเอาเปลือกออก เเละยังคงมีรำข้าวเเละจมูกข้าวอยู่ ทำให้สารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุในข้าวกล้องงอกมีครบถ้วน 

ประโยชน์ของข้าวกล้องงอก คือมีสารกาบาสูง ช่วยป้องกันการทำลายระบบประสาท เเละป้องกันโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ยังช่วยให้สมองผ่อนคลาย เเละนอนหลับสบาย ทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณดี เเละชะลอความแก่ 

 

7. ข้าวแดงสังข์หยด 

ข้าวแดงสังข์หยดเป็นข้าวขึ้นชื่อที่จังหวัดพัทลุง ที่มาของข้าวแดงสังข์หยด เล่ากันว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “สั่งหยุด” เหมือนกับคนได้ลองทานเข้าวขนิดนี้เเล้วอร่อยจนหยุดไม่ได้ จนถึงกับต้องสั่งให้หยุดกิน  ลักษณะของข้าวแดงสังข์หยดจะเป็นข้าวสีขาวปนเเดงอ่อนๆ ไปจนถึงแดงเข้ม เมล็ดเรียวเล็ก ท้ายงอน

ประโยชน์ของข้าวแดงสังข์หยด  คือมีใยอาหารสูง ดีต่อระบบลำไส้เเละการขับถ่าย มีโปรตีน ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เเละสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย  ทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ป้องกันความจำเสื่อม บำรุงหัวใจเเละโลหิตได้ดี 

ในแง่ของการกินเพื่อดำรงอยู่ นับว่า “ข้าว” ทุกประเภทมีประโยชน์ไม่ต่างกัน แต่หากคำนึงถึงเรื่องของสุขภาพ กากใยไฟเบอร์ หรือสารอาหารอื่นที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในข้าวแต่ละประเภทจะเห็นความแตกต่าง ดังนั้น เราจึงมีตัวเลือกในการบริโภคข้าวสวย เปิดลิสต์ 7 ข้าวสวยพันธุ์ไทยทางเลือกเพื่อคนใส่ใจสุขภาพ ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการเปิดโลกกว้างทางเลือกดีๆ ที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน