สมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์ของกลุ่มผู้ป่วย “โรคหืด” ในไทย หลังพบว่าผู้ป่วยมีอาการหอบกำเริบรุนแรงขึ้น โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “โลกร้อน” เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น จะส่งผลให้ “ละอองเกสร” และ “เชื้อรา” มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา เมื่อผู้ป่วยสูดเอาอากาศที่มีละอองเกสรและเชื้อราปะปนอยู่ในปริมาณที่สูงขึ้น ก็ส่งผลให้อาการหอบหืดกำเริบได้ง่ายกว่าเดิม
ล่าสุด มีรายงานพบว่าผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี มีอาการหอบเร็วขึ้นและนอนโรงพยาบาลพุ่งขึ้นถึง 15% อีกทั้งยังพบว่า หากค่า PM 2.5 เพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะส่งผลให้อาการหอบกำเริบเพิ่มขึ้น 0.2 ครั้ง ส่วนผู้ป่วยผู้ใหญ่บางรายก็อาจมีอาการกำเริบได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
โลกร้อน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยหอบหืดต้องดูแลตัวเองมากขึ้น
ศ.ดร.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล นายกสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า จากข้อมูลล่าสุดในปี 2020 ประเทศไทยพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากอาการของโรคหืด 4,182 รายต่อปี คิดเป็นวันละ 11-12 รายหรืออัตรา 3.93 ต่อประชากร 1 แสนคน โดยสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากการไม่ได้พ่นยาควบคุมการรักษาอย่างต่อเนื่อง และเวลามีอาการกำเริบก็จะพ่นยาไม่ทันหรือไม่ถูกวิธี
ดังนั้น ช่วงไม่กี่ปีให้หลังที่คนเราต้องเผชิญกับสภาวะโลกร้อนและปัญหาฝุ่น PM 2.5 รุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคหืดมีอาการหอบกำเริบง่ายขึ้น ผู้ป่วยจึงควรดูแลตนเองให้มากขึ้น ดังนี้
นอกจากนั้น ปีนี้ทางสมาคมฯ ได้ร่วมมือกับทีมผู้ดูแลโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มการบริการปฐมภูมิ ภายใต้ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย ในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ตามแนวทางการรักษาโรคหืดสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคหืดที่รุนแรงขึ้นในประเทศไทย
งานวิจัยล่าสุดพบผู้ป่วยหอบหืดมี "โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ" ร่วมด้วย
อ.นพ.ธิติวัฒน์ ศรีประสาธน์ ประธานวิจัยฯ สมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย ผู้ร่วมทำวิจัยนานาชาติชิ้นล่าสุด จากความร่วมมือระหว่าง 7 สถาบันทางการแพทย์ พบข้อมูลใหม่ว่า
มีผู้ป่วยโรคหืดจำนวน 458 ราย จากกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยทั้งหมด 600 ราย (คิดเป็น 80%) มีอาการของ "โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ" และผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคดังกล่าวร่วมด้วย โดย “โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ” ถือเป็นสาเหตุที่สำคัญต่อการไม่สามารถควบคุมโรคหืดได้ และยังมีภาวะโรคร่วมอื่นๆ ที่สามารถพบบ่อยในผู้ป่วยโรคหืดอีกด้วย ได้แก่ โรคภาวะกรดไหลย้อน, ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ, ภาวะซึมเศร้า
สำหรับข้อมูลใหม่ที่ได้จากงานวิจัยดังกล่าว ทางสมาคมฯ กำลังเตรียมนำเสนอผลงานวิจัยที่งานประชุมนานาชาติ American Thoracic Society ณ เมือง Washington DC ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้
อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยมีการจัดตั้งเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรัง มานานกว่า 14 ปีแล้ว ซึ่งเครื่อข่ายตรงนี้สามารถช่วยลดจำนวนผู้ป่วยต้องมา admit ที่ โรงพยาบาลให้น้อยลงได้กว่า 17,585 ครั้ง (คิดเป็น 25.9%) แต่ผู้ป่วยโรคหอบหืดที่เข้าถึงการรักษาได้ ยังมีจำนวนน้อยเพียง 30%
ทั้งนี้ ในอนาคตยังคงต้องพัฒนาเครื่อข่ายนี้ให้ขยายวงกว้างมากขึ้น เพื่อทำให้ผู้ป่วยอีก 70% เข้าถึงการรักษาให้ได้ เพื่อควบคุมและรับมือกับสถานการณ์โรคหืดที่รุนแรงขึ้นในประเทศไทย ท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (โลกร้อน) และมลภาวะ PM 2.5 ในปัจจุบัน