“โรคไขมันในเลือดสูง” เป็นภาวะที่ร่างกายมีไขมันในเลือดสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ส่วนใหญ่จะมีปัจจัยมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เเละการรับประทาน “อาหารที่มีไขมันสูง” โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์ ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอล หรือระดับไตรกลีเซอไรด์สูงได้อย่างใดอย่างหนึ่ง หรืออาจจะสูงพร้อมกันทั้งสองชนิด นอกจากนี้ หากในร่างกายมีการสะสมไขมันที่มีปริมาณสูงกว่าปกติ ก็จะส่งผลให้หลอดเลือดตีบตัน โดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไหลไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
สัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกว่าเราอาจมีภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง
ผลข้างเคียงและความเสี่ยงของคนที่มีไขมันในเลือดสูง
ภาวะที่มีระดับกลุ่มไขมัน LDL สูง ถือเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือด และอัมพฤกษ์ อัมพาตจากโรคหลอดเลือดสมอง จากการที่ไขมันในเลือดสูงไปทำให้หลอดเลือดแดงใหญ่แข็งตัว ซึ่งเรียกว่าโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
ใครบ้างที่ควรตรวจระดับไขมันในเลือด?
ควรตรวจเมื่ออายุเกิน 35 ปีขึ้นไป ถ้าปกติ และไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดตีบอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ อายุยังไม่เกิน 45 ปี (ผู้ชาย) หรือ 55 ปี (สำหรับผู้หญิง) ไม่มีประวัติโรคหลอดเลือดหัวใจในครอบครัวตั้งแต่อายุน้อย (ผู้ชายไม่เกิน 55 ปี และผู้หญิงไม่เกิน 65 ปี) และยังไม่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ควรตรวจซ้ำในอีก 5 ปีข้างหน้า หากมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวแล้วและตรวจพบไขมันในเลือดปกติก็ตรวจซ้ำในอีก 1-3 ปี
รู้จัก “ระดับของไขมันในเลือด” เรื่องที่ต้องควบคุม
1. คอลเลสเตอรอล
เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เองจากตับและลำไส้ พบมากในเนื้อสัตว์ ซึ่งค่าของคอลเลสเตอรอล ไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ถ้าหากรวมกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
• ไขมันชนิด LDL (Low Density Lipoprotein)
เป็นไขมันที่มีคอเลสเตอรอลอลสูง ตัวไขมันจะมีหน้าที่นำคอเลสเตอรอลไปสู่เซลล์ต่างๆ ที่ต้องการใช้งาน เเต่หากมีค่าสูงเกิน130 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก็จะส่งผลให้หลอดเลือดตีบตัน หรือเปราะบาง เเละนำไปสู่ความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดตีบตัน
• ไขมันชนิด HDL (High Density Lipoprotein)
เป็นไขมันดีที่ทำหน้าที่นำคอเลสเตอรอลที่สะสมตามผนังหลอดเลือดและตามเนื้อเยื่อต่างๆ ไปทำลายที่ตับ เเละยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดตีบตันอีกด้วย เเละผู้ชายมีค่ามากกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ส่วนผู้หญิงมีมากกว่า 50 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
2. ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride)
เป็นไขมันที่สร้างขึ้นมาเองจากเเป้ง เเละน้ำตาล หรือจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน เเต่หากมีค่าสูงเกิน 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจตีบมากขึ้น
เลือกกินอย่างไรให้ห่างไกลโรคไขมันในเลือดสูง
แนะนำอาหารที่ควรกิน และอาหารที่ไม่ควรกิน
หมวดเนื้อสัตว์และถั่วเมล็ดแห้ง
อาหารที่รับประทานได้ : เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน เช่น ปลา อกไก่ หมูเนื้อแดง ถั่วเหลือง ถั่วแดง เต้าหู้
เนื้อสัตว์ติดมันทุกชนิด : เครื่องในสัตว์ สมองสัตว์ หมูสามชั้น อาหารทะเล เช่น หอยนางรม ปลาหมึก
หมวดธัญพืช
อาหารที่รับประทานได้ : ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ก๋วยเตี๋ยวมันชนิดต่างๆ
อาหารที่ควรลด : เนื้อสัตว์ติดมันทุกชนิด เครื่องในสัตว์ สมองสัตว์ หมูสามชั้น อาหารทะเล เช่น หอยนางรม ปลาหมึก
หมวดผัก
อาหารที่รับประทานได้ : ผักสด ผักต้ม หรือผักที่ทำให้สุกโดยไม่ใช้น้ำมัน ถั่วลันเตา ข้าวโพดอ่อน
อาหารที่ควรลด : ผักที่ทำให้สุกโดยใช้น้ำมัน เช่นผักทอด ผักผัดน้ำมัน ผักราดกะทิ
หมวดผลไม้
อาหารที่รับประทานได้ : ผลไม้สด เช่น ส้มเขียวหวาน กล้วยส้มโอ ฝรั่ง มะม่วง แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ผลไม้แห้ง เช่นลูกพรุน
อาหารที่ควรลด : อโวคาโด
หมวดไขมัน
อาหารที่รับประทานได้ : ไขมันจากพืช เช่น น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันงา น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันสลัด ที่ทำจากพืชในปริมาณจำกัด
อาหารที่ควรลด : ไขมันสัตว์ เช่น แคบหมู น้ำมันหมูน้ำมันมะพร้าว
หมวดเบ็ดเตล็ด
อาหารที่รับประทานได้ : วุ้นธรรมดา เยลลี่ ซุปใส(เอาไขมันออก) ซุปผัก
อาหารที่ควรลด : ขนมเค้กชนิดต่าง ๆ คุกกี้พายขนมหวานใส่กะทิ ขนมที่ทอดด้วยน้ำมัน ซุปอื่นๆ ช็อกโกแลต ทอฟฟี่ ลูกกวาด แกงกะทิ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การปฏิบัติตัวของผู้ที่มีภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง
1. เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร
2. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
3. งดการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่จะทำให้ HDL ในเลือดต่ำลง เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
4. หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา เบียร์ เพราะแอลกอฮอล์ เพราะมีฤทธิ์สะสมไขมันตามเนื้อเยื่อ
5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายจะช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด และเพิ่มระดับของ HDL ควรทำอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้ง ครั้งละ 20 - 30 นาที การออกกำลังกายที่ดี เช่น การเดินเร็ว จ๊อกกิ้ง เต้นรำ ขี่จักรยาน
6. หลีกเลี่ยงภาวะเครียด
7. ปรึกษาแพทย์ ติดตามผล การปฏิบัติตัวบางระยะอาจต้องใช้ยาช่วยปรับระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำ และติดตามผลการรักษาต่อไป