svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Health & Lifestyle

หมอเตือน "โรคหัวใจและหลอดเลือด" คร่าชีวิตเฉลี่ย ชม.ละ 8 คน รีบป้องกันก่อนสายไป

หมอเตือน "โรคหัวใจและหลอดเลือด" คร่าชีวิตคนเฉลี่ย ชม.ละ 8 คน ใครเสี่ยงบ้าง? รีบป้องกันก่อนสายไป พร้อมเปิดเคล็ดลับ ดูแลหัวใจอย่างไรให้แข็งแรง เริ่มได้ง่ายๆ จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

17 เมษายน 2568 "หมอเจด" นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์ให้ความรู้ด้านสุขภาพ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "หมอเจด" โดยระบุว่า ทุกๆ 1 ชม. คนเสียชีวิตจากโรคนี้ 8 คน รีบป้องกันก่อนสายๆไป

จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขปี 2565 มีผู้เสียชีวิตจาก "โรคหัวใจและหลอดเลือด" มากถึง 70,000 รายต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ถือว่าเยอะและน่าตกใจมาก เมื่อก่อนเราก็จะคิดว่าโรคนี้เป็นโรคของคนอายุเยอะ หรือคนที่มีโรคประจำตัว

แต่ปัจจุบัน การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ก็เพิ่มความเสี่ยงโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีวิธีป้องกันอยู่นะครับ อ่านให้จบนะ จะได้ลดความเสี่ยงได้ถูกวิธีครับ

1. โรคหัวใจและหลอดเลือดคืออะไร? ทำไมถึงน่ากลัว?

คำว่า "โรคหัวใจและหลอดเลือด" (Cardiovascular Disease) เป็นชื่อเรียกรวมของกลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด เช่น

  • หลอดเลือดหัวใจตีบ
  • หัวใจล้มเหลว
  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

โรคที่พูดมา มันไม่มีสัญญาณเตือนที่ชัดเจนนะ บางคนรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือเส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่นาที และบางครั้งก็ไม่ทันได้ไปถึงโรงพยาบาล

2. ทำไมโรคนี้ถึงพบมากขึ้นเรื่อยๆ?

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 30-40 ปีก่อน โรคหัวใจยังเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนทั่วไป แต่ปัจจุบัน โรคหัวใจกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก เพราะไลฟ์สไตล์สมัยนี้มันเปลี่ยนไปนะครับ ลองสังเกตดูนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนเป็นแบบที่ผมพูดนะคือ

  • การนอนน้อย เครียดบ่อย
  • อาหารแปรรูป น้ำตาล ไขมันทรานส์เพียบ
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  • มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง

หลายคนอาจไม่ได้รู้สึกป่วย หรืออาการก็ไม่ชัดเจนจนทำให้ชะล่าใจ เช่น เจ็บหน้าอกนิด ๆ เหนื่อยง่ายขึ้นเล็กน้อย ปล่อยไว้ก็อาจกลายเป็น "สัญญาณเตือนที่มองข้ามไป"

3. อาการที่ควรรู้ว่า "อาจเสี่ยง" โรคหัวใจ

ถึงอาการของโรคหัวใจจะหลากหลาย แต่อยากให้จำไว้ว่า ไม่ต้องรอให้ปวดแบบ "เจ็บแน่นอกแบบหนังหมอผ่าตัด" ถึงจะเรียกว่าผิดปกติ อาการที่น่าสงสัย เช่น

  • เจ็บแน่นหน้าอก หรือเหมือนมีอะไรทับอกโดยเฉพาะตอนออกแรง
  • เหนื่อยง่ายผิดปกติ เหนื่อยจนต้องหยุดพักทั้งที่ทำกิจกรรมเบาๆ
  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ
  • หน้ามืด เป็นลม โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ขาบวม นอนราบแล้วหอบเหนื่อย

บางคน โดยเฉพาะผู้หญิงและผู้สูงอายุ อาจไม่มีอาการเจ็บหน้าอกแบบชัดเจน แต่จะมีแค่อ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่ายเฉยๆ ก็อาจเป็นสัญญาณของ หัวใจขาดเลือดแบบไม่แสดงอาการ (Silent ischemia) ได้เหมือนกันนะครับ

4. กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังเป็นพิเศษ

โรคหัวใจและหลอดเลือดอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่บางกลุ่ม มีความเสี่ยงมากกว่าปกติ และควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ข่าย 

กลุ่มที่ควรเฝ้าระวัง

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ/หลอดเลือด เช่น พ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคหัวใจขาดเลือด, เส้นเลือดในสมองตีบ, เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวายกะทันหัน
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว
    - เบาหวาน
    - ความดันโลหิตสูง
    - ไขมันในเลือดสูง

โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ควบคุมอย่างต่อเนื่อง

  • ผู้ชายอายุ > 45 ปี และผู้หญิง > 55 ปี
    หลังหมดประจำเดือน ผู้หญิงจะสูญเสียฮอร์โมนที่เคยช่วยปกป้องหัวใจ
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง (Metabolic syndrome)
    รอบเอวเกิน 90 ซม. (ชาย) / 80 ซม. (หญิง) มักมาพร้อมกับไขมันสะสมและดื้อต่ออินซูลิน
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือเคยสูบบุหรี่ระยะยาว
    แม้จะเลิกแล้ว แต่ความเสี่ยงยังคงสะสมอยู่ในหลอดเลือด
  • ผู้ที่มีภาวะเครียดเรื้อรัง นอนไม่พอ หรือมีภาวะซึมเศร้า
    อารมณ์และจิตใจกระทบต่อสุขภาพหัวใจผ่านระบบประสาทอัตโนมัติและฮอร์โมนความเครียด
  • ผู้ที่ทำงานหนักเกินไป ไม่ค่อยออกกำลังกาย
    กลุ่มออฟฟิศซินโดรมที่ดูเหมือนปกติ แต่นั่งทั้งวัน + กินอาหารไม่เป็นเวลา = หลอดเลือดเสื่อมแบบเงียบ ๆ
  • ผู้ที่มีโรคไตเรื้อรัง
    ความดัน-เกลือแร่-สมดุลไขมันในกลุ่มนี้มักมีปัญหาโดยเฉพาะเรื่องหลอดเลือด

ใครที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ผมพูดมา แนะนำแบบนี้นะว่า

  • เข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง
  • ตรวจวัดค่าที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงหัวใจ เช่น LDL, HDL, Triglyceride, HbA1c, BP
  • พิจารณาทำ EKG หรือ Echo หากมีอาการผิดปกติหรือประวัติเสี่ยง
  • ใช้ชีวิตแบบ "ไม่ประมาท" แม้จะยังไม่มีอาการก็ตาม

5. ป้องกันหัวใจวาย ทำได้ง่ายกว่าที่คิด

หลายคนคิดว่าการป้องกันโรคหัวใจต้องยาก แต่จริงๆ แล้ว การดูแลหัวใจให้แข็งแรงสามารถเริ่มได้ง่าย ๆ จาก "พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน"

ปรับพฤติกรรมอย่างยั่งยืน

หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ น้ำตาลเกินความจำเป็น และโซเดียมที่มากเกินไป หันมาเน้น ไขมันดี เช่นปลาทะเลน้ำลึกอย่างแซลมอน ทูน่า หรือแมคเคอเรล ซึ่งเป็นแหล่งของโอเมก้า 3 (Omega-3) โดยเฉพาะชนิด EPA และ DHA ที่ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือด และลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด

อย่างไรก็ตาม คนไทยจำนวนมากยังบริโภคปลาทะเลไม่ถึงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ถ้ารับจากอาหารธรรมชาติไม่เพียงพอ ก็ทานเป็นแบบอาหารเสริมเพิ่มก็ได้ครับ

  • ขยับตัวมากขึ้น ออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน
  • พักผ่อนให้พอ นอนหลับวันละ 6–8 ชั่วโมง อย่างมีคุณภาพ
  • เลิกบุหรี่ ลดแอลกอฮอล์ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำลายหลอดเลือดอย่างชัดเจน
  • ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยง เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันสูง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ

ภาพโดย freepik

ฝากด้วยนะครับโรคหัวใจและหลอดเลือดไม่ใช่เรื่องของ "คนแก่" หรือ "คนมีโรคประจำตัว" เสมอไปนะครับ คนที่ยังดูแข็งแรง ยังทำงานได้ปกติก็อาจมี "ความเสี่ยง" โดยที่ไม่รู้ตัว แต่เราป้องกันได้ครับ และเริ่มได้ง่ายกว่าที่คิด ดูแลตัวเองด้วยนะครับ




ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ หมอเจด
ขอบคุณภาพ : Freepik

    News Hub