งานลอยกระทง 2566 ปีนี้หลายคนกำลังหาสถานที่ลอยกระทง ขณะที่หลายคนยังอยู่ระหว่างตัดสินใจจะลอยกระทงดีหรือไม่ เพื่อร่วมสืบสานประเพณีอันงดงามของไทย แต่กระแสในโลกโซเชียลได้มีการรณรงค์ให้งดลอยกระทงในแหล่งน้ำ เนื่องจากมองว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) เปิดมุมมองว่าประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่ทำกันมาตั้งแต่โบราณ และในช่วงเวลานี้ภาครัฐก็กำลังสนับสนุนประเพณีต่างๆ ของไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งโอกาสในการส่งเสริมเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ดังนั้นในฐานะที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมจึงคิดว่าวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้คือ เราควรหาวิธีการจัดการรับมือและหาทางออกให้เหมาะสมในการทำอย่างไรให้เราอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
“ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากค่ำคืนลอยกระทงก็คือ เรื่องของการจัดการปริมาณกระทงที่จัดเก็บและที่จัดเก็บไม่หมดจะกลายเป็นขยะจำนวนมาก ส่วนเรื่องปัญหาน้ำเสียถือว่าไม่ได้เป็นปัญหาหลักของการลอยกระทง เพราะปัญหาน้ำเน่าเสียสาเหตุหลักคือการใช้น้ำของกิจกรรมผู้คน ดังนั้นหากพูดถึงเรื่องของปริมาณกระทงที่กลายเป็นขยะตกค้างนั้น มองว่าควรมีแนวทางในการขอความร่วมมือและบริหารจัดการที่ดี โดยลดปริมาณกระทง การทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ และลอยกระทงในพื้นที่ที่จัดให้เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ”
1 การเลือกใช้กระทงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมย่อยสลายได้
โดยเลือกใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติที่หาได้จากพื้นที่ เช่น หยวกกล้วย กาบกล้วย ใบตอง ดอกบัว ซึ่งเป็นประเพณีดั่งเดิม โดยกระทงจากวัสดุเหล่านี้สามารถจัดเก็บและนำไปกำจัดได้ง่ายดายหลังเสร็จสิ้นงาน และควรทำกระทงขนาดที่เหมาะสมไม่ใหญ่จนเกินไป หรือหากจัดเก็บไม่ได้บางส่วนก็จะค่อยๆ ย่อยสลายเองตามธรรมชาติได้
2 เลือกกระทงให้เหมาะสมกับพื้นที่
คำนึงถึงสถานที่ที่จะนำกระทงไปลอยหากเป็นกระทงขนมปัง ควรลอยในแหล่งน้ำที่มีปลาหรือสัตว์น้ำ และเป็นขนมปังที่ไม่มีสีสัน ที่จะเป็นพิษต่อสัตว์น้ำได้ เพราะหากนำไปลอยในแหล่งที่มีน้ำเน่าและไม่มีสัตวน้ำ จะถือว่าเป็นการเพิ่มความสกปรกให้แห่งน้ำได้ และไม่ควรลอยกระทงในทะเล เนื่องจากไม่สามารถจัดเก็บได้ง่าย บางส่วนก็จะวกกลับมาชายฝั่ง
3 งดการใช้วัสดุที่เป็นอันตรายต่อสัตว์
สำหรับลวด แม็กซ์ เข็มหมุด ตะปู อาจหลุดและตกลงสู่แม่น้ำ และเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ อีกทั้งยังทำให้เป็นกระทงที่ยากต่อการคัดแยกเพื่อนำไปจัดการอย่างถูกวิธี ดังนั้น ควรใช้วัสดุไม้กลัดที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติ
4 ห้ามใช้วัสดุพลาสติกและโฟม
เนื่องจากพลาสติกและโฟมเพราะเป็นวัสดุย่อยสลายยาก ทำให้เกิดการแตกตัวเป็นไมโครพลาสติกเมื่อถูกทิ้งไว้ในธรรมชาติ ซึ่งพลาสติกบางชิ้นและโฟมไม่เหมาะในการนำไปรีไซเคิล และใช้เวลาย่อยสลายหลายร้อยปี หากเล็ดลอดออกสู่สิ่งแวดล้อม
5 กระทงเดียวลอยด้วยกัน
เพื่อลดปริมาณกระทงก็เชิญชวนและรณรรงค์ให้ใช้กระทงน้อยลง โดยหนึ่งครอบครัว หนึ่งกระทง หรือหนึ่งกลุ่มเพื่อนหนึ่งกระทง
“อย่างไรก็ดีใน อนาคตควรมีการกำหนดพื้นที่ลอยกระทง เช่น จัดพื้นที่ให้ประชาชนลอยกระทงในสถานที่น้ำไหล มีตาข่ายกักเก็บหรือแหล่งน้ำปิดที่เป็นพื้นที่ที่สะดวกต่อการเก็บกระทงเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม รวมถึงรณรงค์และเชิญชวนให้ผู้ขายและประชาชนสร้างสรรค์กระทงจากวัสดุจากธรรมชาติที่ย่อยสลายง่าย และมีการเก็บกระทงเพื่อไปจัดการอย่างถูกวิธี ย่อยสลายได้ตามความเหมาะสมเพื่อลดปริมาณขยะ เช่นนำไป หมักเป็นสารบำรุงดิน เป็นต้น” ดร.วิจารย์กล่าวเสริม
สำหรับสถิติปริมาณขยะการจัดเก็บกระทงในกรุงเทพมหานคร เมื่อปีที่ผ่าน (2565) สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. รายงานจำนวนกระทงที่เก็บได้ มีจำนวน 572,602 ใบ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่จัดเก็บได้ 403,235 ใบ คิดเป็นร้อยละ 42 โดยประเภทที่จัดเก็บได้ทำจากวัสดุธรรมชาติ 548,086 ใบ หรือร้อยละ 95.7 และทำจากโฟม 24,516 ใบ หรือร้อยละ 4.3 โดยกระทงจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน มีสัดส่วนลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 96.5 เป็น 95.7 ส่วนสัดส่วนของโฟมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 เป็น 4.3
ทั้งนี้ งานลอยกระทง 2566 สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมทำสถิติใหม่ โดยปริมาณกระทงลดลง 50% และเป็นกระทงทำจากวัสดุธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 100%