เกิดเป็นคำถามว่า เมื่อไหร่การล่าวาฬจะหมดไปจากมหาสมุทร? ในระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา บรรดากลุ่มคนรักวาฬต่างดีใจที่สวัสดิภาพของสัตว์ใหญ่แห่งท้องทะเลได้รับการปกป้อง จนหลายคนมองโลกในแง่ดีว่าอาจเป็นสัญญาณของการห้ามล่าวาฬตลอดไป ทว่า ท้ายที่สุดรัฐบาลไอซ์แลนด์ได้ออกประกาศให้สามารถ “ล่าวาฬ” ได้อีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขใหม่
โดยทางการไอซ์แลนด์ได้ประกาศกลับมาให้อนุญาตล่า “วาฬฟิน” ซึ่งเป็นวาฬขนาดใหญ่ในวงศ์วาฬอกร่อง (Balaenopteridae) อีกครั้ง หลังจากหยุดล่าไป 2 เดือน เนื่องจากการล่าวาฬด้วยวิธีการยิงด้วยฉมวกจะใช้เวลานานกว่าที่วาฬจะตาย โดยบางครั้งอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยสวัสดิภาพสัตว์ ทำให้ทางการไอซ์แลนด์กำหนดให้มีการปรับปรุงวิธีการล่าเพื่อลดความทรมานของวาฬ
รายงานก่อนหน้าชี้ให้เห็นว่ามีวาฬเพียง 59% เท่านั้นที่ตายในทันที ขณะที่วาฬอีก 41% ต้องใช้เวลานานกว่าจะตาย บางตัวนานถึง 2 ชั่วโมงกว่าจะตายแม้จะล่าระยะใกล้ก็ตาม ดังนั้น มันจึงสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้กับกลุ่มสิทธิสัตว์
ทั้งนี้ องค์กรอาหาร การเกษตร และประมงของไอซ์แลนด์ ระบุว่ามีการออกกฎระเบียบ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดโดยละเอียดและเข้มงวดยิ่งขึ้น สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ล่าและวิธีการล่า ตลอดจนมีการควบคุมดูแลที่เพิ่มขึ้น โดยชาวประมงจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการล่าด้วยฉมวกเพื่อให้แน่ใจว่าวาฬจะตายในเวลาอันรวดเร็ว
สวานดิส สวาวาร์สดอตตีร์ รัฐมนตรีกระทรวงอาหาร การเกษตร และการประมงของไอซ์แลนด์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจะอนุญาตให้ล่าวาฬได้อีกครั้งว่า ฤดูกาลล่าวาฬครั้งนี้เริ่มต้นโดยมีเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆ สำหรับอุปกรณ์และวิธีการล่า ตลอดจนการควบคุมดูแลที่เพิ่มขึ้น กฎระเบียบนี้จะเป็นเงื่อนไขที่ผู้ถือใบอนุญาตจะต้องปฏิบัติตาม จะมีมาตรการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีการควบคุมเข้มงวดมากขึ้นด้วย ทั้งหมดจะถูกเฝ้าระวังและบันทึก รวมถึงวิเคราะห์ต่อไป
สำหรับเงื่อนไขที่เพิ่มเติมขึ้นคือ นักล่าวาฬจะต้องล่าวาฬภายในระยะ 25 เมตรจากเรือเท่านั้น เพื่อลดโอกาสทำให้วาฬบาดเจ็บแต่ไม่ถึงตาย นอกจากนี้ จะไม่อนุญาตให้ฆ่าวาฬที่มีลูกอยู่ด้วย รวมถึงการใช้ไฟฟ้าก็ถูกห้าม ถึงอย่างนั้นวาฬก็ “ยังไม่ปลอดภัย”
ทางด้านโฆษกสาธารณะของไอซ์แลนด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นักล่าวาฬจะต้องสำเร็จหลักสูตรชีววิทยาวาฬ การรับรู้ความเจ็บปวด และความเครียด และต้องได้รับคำแนะนำโดยละเอียด เกี่ยวกับวิธีการยิงฉมวกใส่วาฬ เพื่อให้แน่ใจว่า พวกมันจะตายอย่างรวดเร็วด้วย
การประกาศเงื่อนไขข้างต้นเพื่อให้กลับมาล่าวาฬได้อีกครั้ง ทำให้สถาบันสวัสดิภาพสัตว์ (The Animal Welfare Institute) รู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของรัฐบาลไอซ์แลนด์ที่อนุญาตให้การล่าวาฬเชิงพาณิชย์ ขณะที่นักรณรงค์ต่อต้านการล่าวาฬจากศูนย์อนุรักษ์วาฬและโลมาเสริมว่า “ไม่มีวิธีใดที่มีมนุษยธรรมต่อการฆ่าวาฬในทะเล พวกมันจะยังคงต้องทนทุกข์ทรมาน”
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ยังล่าวาฬเชิงพาณิชย์อยู่ เช่น ญี่ปุ่น นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ โดยไอซ์แลนด์เหลือบริษัทล่าวาฬเพียงแห่งเดียวคือ Hvalur ซึ่งมักล่าวาฬฟิน (Fin Whales) สัตว์ใหญ่อันดับสองของโลกรองจากวาฬสีน้ำเงิน และอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ตามบัญชีแดงของ IUCN (องค์การอนุรักษ์ธรรมชาติระหว่างประเทศ) อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังอยู่บ้างว่าการล่าวาฬในไอซ์แลนด์จะจบลงตลอดกาล เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าบริษัท Hvalur จะไม่ได้รับอนุญาตต่อสัญญาการล่าวาฬจากรัฐบาลในปีหน้า แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถฆ่าวาฬฟินได้ 209 ตัวและวาฬมิงค์อีก 217 ตัวตามโควตา