โลกกำลังกรีดร้องใส่เรา ประมวลเหตุการณ์ สัปดาห์แห่ง วิกฤติ “ภาวะโลกรวน” เกิดภัยพิบัติธรรมชาติหลายประเทศทั่วโลก
"ภาวะโลกร้อน" เกิดขึ้นจริง และรุนแรงขึ้น
เราไม่ได้กำลังเผชิญแค่คลื่นความร้อนที่สูงขึ้น ยังมีปรากฏการณ์อื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นผลตามมาจากอิทธิพลการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จึงถูกเรียกว่า Climate Change หรือ "ภาวะโลกรวน" ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบทำให้รวนไปถึงทุกด้านของชีวิต ทั้ง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมถึงสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนโลกใบนี้
ปี 2023 ถือเป็นหนึ่งในปีที่โลกเผชิญกับสถานการณ์ภาวะโลกรวน ทั้งภัยพิบัติน้ำท่วมใหญ่ ภัยแล้ง พายุและคลื่นความร้อนที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ขณะองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ได้เตือนรัฐบาลทุกประเทศให้เตรียมรับมือสภาพอากาศแบบสุดขั้ว จากอิทธิพลของ "ปรากฏการณ์เอลนีโญ" ที่เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในเวลานี้ !!
เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ระบุว่า ภาวะโลกรวนรุนแรงเกินกว่าจะควบคุมได้แล้ว หากเรายังคงชะลอมาตรการที่จำเป็น ผมคิดว่าเรากำลังเดินหน้าไปสู่สถานการณ์ระดับหายนะ หลังผลการวิเคราะห์อย่างไม่เป็นทางการออกมาว่า อุณหภูมิโลกเฉลี่ยในช่วง 7 วัน ณ สิ้นสุดวันพุธที่ 5 กรกฎาคม เป็นสัปดาห์ที่ร้อนสุดเท่าที่โลกเคยเจอมา
แต่ถ้าสังเกตแค่ระยะสั้นเพียงสัปดาห์ต้นเดือนกรกฎาคม พบว่ามีเหตุการณ์ภัยพิบัติที่ทั่วโลกกำลังเผชิญเปรียบเหมือน "โลกกำลังกรีดร้อง" ใส่ผู้คนบนโลกใบนี้
เริ่มตั้งแต่ "น้ำท่วม" ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน บ้านชาวญี่ปุ่นบนเกาะคิวชู ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 เกาะสำคัญของประเทศ เผชิญฝนตกหนักที่สุดชนิดไม่เคยพบไม่เคยเจอ จนเกิดน้ำท่วมรุนแรง และดินโคลนถล่ม เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ศพ สูญหายอีก 3 ราย
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ออกคำเตือนไปยังประชาชนบนเกาะคิวชู ระมัดระวังอันตรายจากการเกิดดินโคลนถล่มลงมาอีก โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เชิงเขา หลังเกิดฝนตกหนักแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่เกาะนี้ แต่ขณะเดียวกัน สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ลดระดับเตือนภัยบริเวณทางตอนเหนือของเกาะคิวชู ซึ่งมีประชาชนกว่า 1.7 ล้านคน
ในช่วงกลางปี 2023 อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกได้สร้างสถิติใหม่หลายรายการ เพราะประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องทนทุกข์ทรมานกับสภาพอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเลวร้ายลง อุณหภูมิสูงกำลังคุกคามสุขภาพของมนุษย์และเศรษฐกิจโลกมากขึ้นเรื่อยๆ
โลกร้อนขึ้นโดยเฉลี่ยมากกว่า 1 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม เพราะระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้น เป็นการเปลี่ยนแปลงที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศพบว่ากำลังทำให้คลื่นความร้อนมีอยู่ทั่วไปและรุนแรงมากขึ้น
แน่นอนว่าไม่ดีต่อสุขภาพของเรา มีการคาดการณ์ว่า การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นในคลื่นความร้อน เช่นเดียวกับการเจ็บป่วยและการตายของสัตว์ ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน และการหยุดชะงักทางธุรกิจอื่นๆ
โลกร้อนสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยโลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติมา โดยวัดอุณหภูมิเฉลี่ยโลกได้สูงถึง 17.18 องศาเซลเซียส สูงกว่าสถิติเดิมที่เคยวัดได้ที่ 17.01 องศาเซลเซียส ขณะที่ย้อนกลับไป 1 วัน คือ วันที่ 3 กรกฎาคม ถือเป็นสถิติที่สูงเกิน 17 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ใช้ระบบดาวเทียมช่วยเก็บบันทึกสถิติมาตั้งแต่ปี 1979
ขณะที่งานวิจัยล่าสุดจาก Copernicus Climate Change Service (C3S) หน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหภาพยุโรป ระบุว่า
อุณหภูมิโลกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเท่าที่โลกเคยเผชิญมา ท่ามกลางคลื่นความร้อนที่แผดเผาพื้นที่ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก ส่วนอุณหภูมิของมหาสมุทรก็เพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจ
ไม่ใช่แค่บนบก เเต่ในน้ำก็ร้อนเช่นกัน พื้นผิวของมหาสมุทรทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น เดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สาเหตุหลักที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นคือ เอลนีโญ ซึ่งผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกกลางและตะวันออกอุ่นขึ้นผิดปกติ ส่งผลให้ โลกร้อนขึ้น สำหรับความเสียหายที่จากอุณหภูมิมหาสมุทรที่สูงขึ้น ทำให้ปะการังฟอกขาว คร่าชีวิตสัตว์ทะเล ลดประสิทธิภาพของมหาสมุทรในการดูดซับมลพิษจากภาวะโลกร้อน
ยุโรปเจอฤดูร้อนที่ร้อนสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 ผู้คนกว่า 61,000 ราย เสียชีวิตเพราะความร้อนในช่วงฤดูร้อนที่ทำลายสถิติของยุโรปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเรียกร้องให้มีการดำเนินการมากกว่านี้เพื่อป้องกันคลื่นความร้อนที่ร้ายแรงกว่าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีต่อๆ ไป
นักวิจัยจาก Eurostat ศึกษาอุณหภูมิและอัตราการเสียชีวิตปี 2015 -2022 จาก 832 ภูมิภาคใน 35 ประเทศของยุโรป ครอบคลุมประชากรกว่า 543 ล้านคน ฤดูร้อนของปี 2022 มีค่าการเสียชีวิตส่วนเกินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สหรัฐฯ-เม็กซิโกเผชิญความร้อนจัด เตรียมเก็บภาษีไฟฟ้า ความร้อนเป็นประวัติการณ์แผ่กระจายจากภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ไปยังเท็กซัสและเกรตเพลนส์ในสัปดาห์นี้ โดยมีอุณหภูมิ 100F (38 องศาเซลเซียส) หรือสูงกว่า
สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติกล่าวว่าความร้อนสูงขยายไปยังพื้นที่ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียและแอริโซนา และขยายไปยังเท็กซัสและฟลอริดา ซึ่งอุณหภูมิอาจสูงถึงหรือเกิน 100 ฟาเรนไฮต์ ในหลายพื้นที่
นักวิทยาศาสตร์จีนพยายามปกป้องธารน้ำแข็งที่ละลายจากดวงอาทิตย์ ธารน้ำแข็ง Dagu ซึ่งซ่อนอยู่ในหุบเขาของมณฑลเสฉวนของจีน ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ตั้งอยู่ระดับความสูงเพียง 3,000 - 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล รายงานระบุว่าโดยทั่วไปแล้วพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก ธารน้ำแข็งอยู่ระหว่าง 5,000 - 8,000
ตอนนี้ ธารน้ำแข็งกำลังตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากภาวะโลกร้อน และการที่ธารน้ำแข็งมีขนาดสั้น ก็หมายความว่า อาจจะละลายเร็วขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ตามรายงานของ Bloomberg นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนกลุ่มหนึ่งกำลังปกป้องธารน้ำแข็งด้วยแผ่นกันความร้อนสีขาวเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์
ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ไซบีเรียประสบกับคลื่นความร้อนที่รุนแรง โดยอุณหภูมิมักจะพุ่งสูงกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์ (38 องศาเซลเซียส) ในปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ประมาณ 74 องศาฟาเรนไฮต์ (23 องศาเซลเซียส)
อุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์เหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อชั้น ดินเยือก แข็งถาวร ของภูมิภาค ซึ่งเป็นชั้นดินที่เยือกแข็งอย่างถาวรซึ่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และ มีเทน ไว้จำนวนมาก ตามรายงานของ Arctic Risk Platform
ที่มาข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ
UN says climate change ‘out of control’ after likely hottest week on record
US, Mexico face extreme heat, set to tax electric grid
The Tibetan Plateau is melting. Can shielding glaciers help protect them? These scientists hope so
Chinese Scientists Are Trying to Shield Melting Glaciers From the Sun
insider
Ocean temperatures are off the charts right now, and scientists are alarmed