กระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม ประเมินมูลค่าความเสียหายหลังพายุไต้ฝุ่น “ยางิ” พัดขึ้นฝั่งในภาคเหนือเมื่อวันที่ 7 กันยายนว่า อาจสูงถึง 40 ล้านล้านด่ง หรือกว่า 53,000 ล้านบาท และอาจส่งผลให้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 ลดลง 0.15 จุดเปอร์เซ็นต์ ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากที่รัฐบาลเคยประเมินไว้ว่า เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวมากถึง 7 เปอร์เซ็นต์
ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม และแม่น้ำล้นตลิ่ง ในหลายจังหวัดทั่วภาคเหนือ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือผู้สูญหายรวมมากกว่า 350 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวบรวมถึงวันที่ 15 กันยายน
รัฐบาลยังเปิดเผยว่า มีประชาชนกว่า 2,000 คน ได้รับบาดเจ็บ และบ้านเรือน 230,000 หลัง ได้รับความเสียหาย พื้นที่ปลูกข้าว 190,000 เฮกตาร์, พืชอื่น ๆ อีก 48,000 เฮกตาร์ และผลไม้อีก 31,000 เฮกตาร์ ได้รับความเสียหายหรือจมอยู่ใต้น้ำ
นอกจากนี้บางพื้นที่ยังคงประสบไฟดับ ระบบคมนาคมหยุดชะงัก เนื่องจากถนนหลายสายถูกน้ำท่วมหรือได้รับความเสีย โรงงานหลายแห่ง เช่น โรงงานของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และซัพพลายเออร์ของแอปเปิล ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแทบไม่ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ผลิตของไต้หวันหลายสิบรายในเมืองไฮฟองได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้พายุยางิ ซึ่งเป็นพายุรุนแรงที่สุดในเอเชียในปีนี้ สร้างความเสียหายทั้งในไทย เมียนมา ลาว เกาะไห่หนานของจีน และฟิลิปปินส์
และรัฐบาลเมียนมา เผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและดินถล่มเพิ่มขึ้นเป็น 113 ราย และมีผู้สูญหาย 64 ราย แต่สื่อต่างชาติ รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตสูงกว่า โดยวิทยุเสรีเอเชีย รายงานผู้เสียชีวิตกว่า 160 ราย และเอเอฟพี รายงานว่า ประชาชนกว่า 320,000 ต้องอพยพไปอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราว