สื่อของทางการเมียนมารายงานเมื่อค่ำวันเสาร์ว่า น้ำท่วมคร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 74 ราย มีผู้สูญหาย 89 ราย และประชาชนเกือบ 240,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และรัฐบาลได้ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่ไร้บ้านแล้ว
นอกจากนี้สะพาน 24 แห่ง อาคารโรงเรียน 375 หลัง วัด 1 แห่ง เขื่อน 5 แห่ง เจดีย์ 4 องค์ หม้อแปลงไฟฟ้า 14 ตัว เสาไฟถนน 456 ต้น และบ้านเรือนกว่า 65,000 หลัง ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในภาคกลางและภาคตะวันออก
ภาคกลางและตะวันออกของเมียนมาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มเนื่องจากอิทธิพลของพายุยางิตั้งแต่วันพุธ (11 กันยายน) โดยภูมิภาคมัณฑะเลย์ และภูมิภาคพะโค รวมทั้งรัฐฉาน และกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงได้รับความเสียหายอย่างหนัก
นอกจากนี้สื่อท้องถิ่น รายงานว่า ฝนตกหนักทำให้เจดีย์บางองค์ในเมืองพะโค ที่เป็นแหล่งมรดกโลกได้รับความเสียหาย และฝนตกหนักที่สุดในรอบ 60 ปี ทำให้กำแพงวัดเก่าแก่หลายร้อยปีบางแห่งพังเสียหาย
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยในกรุงเนปิดอว์เมื่อวันศุกร์ และให้คำแนะนำเรื่องภารกิจกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ รวมทั้งสั่งให้เจ้าหน้าที่ติดต่อต่างประเทศเพื่อขอความช่วยเหลือด้านการกู้ภัยและการบรรเทาทุกข์
ขณะที่มีความวิตกว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยครั้งนี้อาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้สูญหายหลายสิบคนจากน้ำท่วมและดินถล่ม และสื่อต่างชาติ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 160 ราย ส่วนผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางราย ระบุว่า เฉพาะในภูมิภาคมัณฑะเลย์มีผู้เสียชีวิต 230 ราย และในรัฐฉานมีผู้สูญหายหลายสิบราย
ที่ผ่านมาเมียนมาเคยประสบความเสียหายครั้งใหญ่จากพายุไซโคลน “นาร์กิส” ที่ทำห้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 138,000 ราย ในปี 2551
ส่วนพายุไต้ฝุ่นยางิ ซึ่งเป็นพายุรุนแรงที่สุดในเอเชียในปีนี้ ได้พัดขึ้นฝั่งทั้งในเวียดนาม, เกาะไห่หนานของจีน และฟิลิปปินส์ รวมทั้งส่งผลกระทบในไทยและลาวด้วย