เอลวิส อโมโรโซ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งของเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ประกาศในวันจันทร์ว่า จากผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี 80% ปรากฏว่า ประธานาธิบดีมาดูโรได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งที่ 51.20% และเอ็ดมุนโด กอนซาเลซ ผู้สมัครจากพรรคเดโมเครติก ยูนิแทรี แพลตฟอร์ม (PUD) ที่เป็นคู่แข่งสำคัญได้ 44.02%
ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้มาดูโรได้ดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 ที่มีวาระ 6 ปี หลังจากปกครองประเทศมานาน 11 ปีหลังการเสียชีวิตของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ในปี 2556
พรรคฝ่ายค้านที่ผนึกกำลังกันสนับสนุนกอนซาเลซ อดีตนักการทูตวัย 74 ปี เพื่อโค่นล้มมาดูโร กล่าวหาว่า มีการโกงอย่างกว้างขวางระหว่างการนับคะแนน และยืนยันจะคัดค้านผลเลือกตั้งจนถึงที่สุด พรรคฝ่ายค้านได้ส่งผู้สังเกตการณ์หลายพันคนกระจายตามหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศเพื่อร่วมจับตาการนับคะแนนเพื่อให้สามารถประกาศผลคะแนนที่รวบรวมเอง แต่ผู้สังเกตการณ์ถูกบังคับให้ออกจากหน่วยเลือกตั้งหลายแห่ง
มาเรีย กอรินา มาชาโด ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ซึ่งถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองและส่งไม้ต่อให้กอนซาเลซลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวต่อหน้าผู้สนับสนุนว่า กอนซาเลซชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 70% ชนะในทุกภาคส่วนและทุกรัฐของประเทศ และเป็นผลเลือกตั้งที่ไม่อาจโต้แย้งได้ พร้อมทั้งประกาศว่า กอนซาเลซเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของเวเนซุเอลา
ส่วนกอนซาเลซ บอกด้วยว่า “เรามั่นใจว่าชาวเวเนซุเอลาส่วนใหญ่ต้องการการเปลี่ยนแปลง” และ “การต่อสู้ของเราจะดำเนินต่อไป และเราจะไม่หยุดพักจนกว่าเจตนารมณ์ของประชาชนเวเนซุเอลาจะได้รับการเคารพ”
ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรียกร้องให้ประชาชนเคารพผลเลือกตั้ง และร้องขอให้อัยการเปิดการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำที่เข้าข่ายก่อการร้ายที่เป็นการขัดขวางกระบวนการนับคะแนนและระบบลงคะแนน และเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ส่วนประธานาธิบดีมาดูโร ประกาศต่อหน้าฝูงชนผู้สนับสนุนว่า “ภายใน 24 ชม. เราจะแสดงหลักฐานพิสูจน์ชัยชนะการเลือกตั้งที่ไม่อาจโต้แย้งได้ มันเป็นน็อกเอาต์” และบอกด้วยว่า ข้อกล่าวหาโกงเลือกตั้งไม่ใช่ครั้งแรก “เป็นหนังม้วนเก่าที่เคยดูมาแล้วหลายรอบ”
ก่อนหน้านี้โพลล์หลายสำนักบ่งชี้ว่า กอนซาเลซมีคะแนนนิยมนำหน้าประธานาธิบดีมาดูโรเล็กน้อย
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก บอกว่า ต้องการการเปลี่ยนแปลงหลังจากประเทศอยู่ภายใต้การปกครองของพรรคยูไนเต็ด โซเชียลลิสต์ ปาร์ตี ออฟ เวเนซุเอลา (PSUV) ที่มีแนวคิดสังคมนิยมมานาน 25 ปีนับจากสมัยอดีตประธานาธิบดีชาเวซ ตลอดระยะเวลาภายใต้การบริหารของ PSUV พรรคสามารถควบคุมทั้งอำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ หรือแม้แต่ตุลาการ
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายคนบอกว่าจะออกนอกประเทศ หากมาดูโรชนะเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่า มีการปราบปรามและการกดขี่อย่างรุนแรง และเศรษฐกิจล่มสลายภายใต้การบริหารของมาดูโร
ขณะที่บรรยากาศในกรุงคารากัส เมืองหลวง มีทั้งเสียงร้องไห้และการสวมกอดของผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านตามท้องถนน และเสียงเชียร์และการเฉลิมฉลองของผู้สนับสนุนมาดูโร ที่ด้านนอกบ้านพักประจำตำแหน่งประธานาธิบดี
ส่วนชาวเวเนซุเอลาที่อาศัยในประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค อย่าง เม็กซิโกและอาร์เจนตินา รวมตัวที่ด้านนอกสถานทูตเพื่อลุ้นผลเลือกตั้ง และผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายึ้านแสดงความผิดหวังและร้องไห้ เมื่อทราบว่ามาดูโรชนะอีกสมัย