แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ตอบข้อซักถามต่อคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร โดยบอกว่าเขาจะทำงานร่วมกับสภาคองเกรสเพื่อหาหนทางที่เหมาะสมเพื่อตอบโต้กรณีศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ที่มีระบบยุติธรรมที่เป็นอิสระ มีความชอบธรรม และเป็นประชาธิปไตย และย้ำว่าต้องดำเนินการกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง
คำตอบนี้มีขึ้นในขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันกำลังผลักดันมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ศาล ICC ที่อาจมีการลงมติอย่างเร็วภายในสัปดาห์นี้
สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาล ICC แต่ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ก็สนับสนุนการดำเนินคดีของศาล ซึ่งรวมถึงการออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียสืบเนื่องจากการทำสงครามในยูเครน
การเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากคาริมข่าน อัยการของศาล ICC ยื่นขอหมายจับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลด้วยข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ สืบเนื่องจากการทำสงครามกวาดล้างฮามาสในฉนวนกาซาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 และยังขอหมายจับผู้นำฮามาสอีก 3 คน ในข้อหาเดียวกัน สืบเนื่องจากการบุกสังหารครั้งใหญ่ในอิสราเอล ที่จุดชนวนให้เกิดสงคราม
ร่างกฎหมายตอบโต้ศาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะพุ่งเป้าต่อเจ้าหน้าที่ศาล ICC ที่เกี่ยวข้องกับคดี ด้วยการห้ามบุคคลดังกล่าวเข้าสหรัฐฯ เพิกถอนวีซ่า และห้ามการทำธุรกรรมด้านทรัพย์สินใด ๆ ที่อยู่ในสหรัฐฯ เว้นแต่ศาลจะยุติการดำเนินคดีกับบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองของสหรัฐฯ และพันธมิตร
ที่ผ่านมารัฐบาลในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยออกมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ศาล ICC โดยอาศัยอำนาจตามประกาศคำสั่งของประธานาธิบดีในปี 2563 หลังศาลดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและกองทัพสหรัฐฯ อาจก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถาน แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดนยกเลิกในปีถัดมา