การประท้วงต่อต้านสงครามในฉนวนกาซาลุกลามไปยังมหาวิทยาลัยกว่า 20 แห่งทั่วสหรัฐฯ หลังมีจุดเริ่มต้นที่มหาวิทยาลัมโคลัมเบียในนครนิวยอร์กเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยผู้ประท้วงส่วนใหญ่แสดงจุดยืนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ แต่นักศึกษาชาวยิวในมหาวิทยาลัยเหล่านั้น บอกว่า การประท้วงมีลักษณะต่อต้านชาวยิว ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย และผู้บริหารสถานศึกษา ต้องพิจารณาว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นได้ข้ามเส้นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นแล้วหรือไม่
ขณะที่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ยืนหยัดว่า จะไม่ยุติการชุมนุมจนกว่ามหาวิทยาลัยจะตัดความสัมพันธ์กับสถาบันการศึกษาของอิสราเอล และไม่ลงทุนในบริษัทใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล และผู้ประท้วงในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ยื่นข้อเรียกร้องคล้าย ๆ กัน เช่น ถอนการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอาวุธ อุปกรณ์ก่อสร้าง บริการเทคโนโลยี และอื่น ๆ แก่อิสราเอล
และในวันนี้สภามหาวิทยาลัยโคลัมเบียจะมีการโหวตตักเตือน มินูชี ชาฟิก อธิการบดี หลังจากมีเสียงวิจารณ์เรื่องที่เธอให้ตำรวจเข้ามาสลายการประท้วงของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย และปฏิบัติการของตำรวจทำให้มีนักศึกษาถูกจับกว่า 100 คน
นอกจากนี้ตำรวจเข้าสลายการประท้วงในมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง และรอยเตอร์ส รายงานว่า มีผู้ประท้วงถูกจับกุมราว 550 ราย ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงกว่า 90 คน ในมหาวิทยาลัยเซาท์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย, อีก 133 คน ในมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และอีก 48 คน ในมหาวิทยาลัยเยล
ขณะที่เทศกาลปัสคาของชาวยิวเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ยิ่งเพิ่มความกังวลเรื่องความปลอดภัยแก่นักศึกษาชาวยิว ที่บอกว่า ได้ยินถ้อยคำต่อต้านชาวยิวในการประท้วงบางแห่ง ทำให้บางมหาวิทยาลัยเตรียมมาตรการด้านความปลอดภัยแก่นักศึกษาชาวยิว
ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย บอกให้นักศึกษาที่ปักหลักชุมนุมกลับเข้าห้องเรียน และยุติการชุมนุมที่ไร้เหตุผล พร้อมทั้งบอกว่า คนอเมริกันไม่ว่าสีผิวใด หรือ ความเชื่อแบบใด ไม่ควรมีชีวิตอยู่ภายใต้การข่มขู่คุกคาม
และนับจากมีการประท้วงที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้ประท้วงทั้งฝ่ายหนุนปาเลสไตน์และอิสราเอล ที่รวมตัวในย่านแมนฮัตตัน ใช้ถ้อยคำที่ต่อต้านชาวยิวเกลียดชังชาวมุสลิม หรือชาตินิยม และแม้นักศึกษารวมตัวอย่างสงบภายในมหาวิทยาลัย แต่ผู้ชุมนุมด้านนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขามักมีการเผชิญหน้ากัน