หลายคนอาจเกิดมาในยุคที่การร้องเพลง "คาราโอเกะ" เป็นเรื่องง่ายดาย เพียงแค่แวะเข้าร้านคาราโอเกะที่ให้บริการเป็นรายชั่วโมง ตู้คาราโอเกะหยอดเหรียญตามห้างสรรพสินค้า ห้องคาราโอเกะในร้านอาหาร หรือในยุคนี้ที่เพียงแค่เปิดแอปพลิเคชั่นผ่านสมาร์ทโฟนก็สามารถร้องเพลงคาราโอเกะที่ชื่นชอบได้ทุกที่ทุกเวลา แต่หากย้อนกลับไปถึงจุดกำเนิดของคาราโอเกะเครื่องแรกของโลกนั้น กว่าจะได้มีวางจำหน่ายอย่างทั่วไปก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
"ชิเกอิจิ เนกิชิ" คือชาวญี่ปุ่นที่ได้รับการบันทึกให้เป็นผู้สร้าง "คาราโอเกะ" เครื่องแรกของโลกตั้งแต่ปี 1967 ซึ่งเขาตั้งชื่อให้กับมันว่า Sparko Box อุปกรณ์ที่มีลักษณะเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมบรรจุเทปคาสเส็ต 8 แทร็ก ที่สามารถบรรเลงเสียงเพลงจากเทปให้ผู้คนได้ร้องตามแบบอัตโนมัติ โดยที่คนร้องต้องอ่านเนื้อเพลงจากสมุดเล่มเล็กที่แถมมาให้
น่าเสียดายที่แม้ว่า Sparko Box ของเขาจะมีกระแสตอบรับที่ดีมากจากผู้ที่ได้ลองใช้งานตามคลับและบาร์ต่างๆ แต่บรรดาเจ้าของบาร์ต่างพากันตีกลับเครื่องร้องคาราโอเกะดังกล่าวกลับไปยังโรงงานภายในเวลาไม่นาน เพราะเกิดกระแสความหวาดกลัวขึ้นในหมู่นักร้อง-นักดนตรีสมัยนั้น ว่าการถือกำเนิดของ Sparko Box อาจกลายเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาแทนที่คนจริง ทำให้ผลงานเพลงของพวกเขาถูกลดคุณค่า มีงานแสดงน้อยลงจนตกงานในที่สุด
นั่นคือเหตุผลที่เนกิชิไม่เคยประสบความสำเร็จด้านการผลิตเครื่องคาราโอเกะ ไม่มีแม้แต่โอกาสกอบโกยรายได้ และต้องปล่อยให้ธุรกิจดังกล่าวปิดตัวลงไปในที่สุด
จนกระทั่งในปี 1970 ไดสึเกะ อิโนะอูเอะ นักดนตรีชาวญี่ปุ่นอีกคน ได้คิดค้นเครื่องร้องคาราโอเกะชื่อว่า "8 Juke" ขึ้นมาเช่นกัน พร้อมทั้งมีการปรับแต่งคีย์เพลงต่างๆให้คนทั่วไปสามารถร้องตามได้ง่ายขึ้น และครั้งนี้ 8 Juke ก็ได้กลายเป็นต้นแบบของเครื่องร้องคาราโอเกะที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ถึงอย่างนั้น ชิเกอิจิ เนกิชิ ก็ยังได้รับการจดจำในฐานะปูชนียบุคคลผู้ประดิษฐ์เครื่องคาราโอเกะเป็นเครื่องแรกของโลก
ล่าสุด อัตสึมิ ทาคาโน ลูกสาวของเนกิชิ ได้ออกมาเปิดเผยว่า พ่อของเธอได้เสียชีวิตลงด้วยสาเหตุตามธรรมชาติเมื่อวันที่ 26 มกราคม ขณะที่เขามีอายุ 100 ปี
เนกิชิเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ปี 1923 ที่กรุงโตเกียว พ่อของเขาเป็นผู้จัดการการเลือกตั้งทางการเมืองระดับภูมิภาค และแม่ของเขาเป็นเจ้าของร้านขายยาสูบ เขาเป็นเด็กสมองดีที่ได้เข้าเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยโฮเซ ก่อนจะเจอสงครามโลกที่ทำให้เขาต้องต่อสู้ในกองทัพญี่ปุ่นและถูกจับอยู่ในค่ายกักกันนานถึงสองปีหลังญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้สิงคโปร์ หลังจากนั้นเขาได้เริ่มต้นธุรกิจในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนจะเกษียณเมื่ออายุ 70 ปี และมุ่งความสนใจไปที่งานอดิเรกของเขา เช่น การสานตะกร้า การแกะสลัก และการร้องเพลงคาราโอเกะ