สงครามจำลองระหว่างสองขั้วมหาอำนาจของโลกเริ่มขึ้นแล้ว จากการที่กองกำลังขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) จัดการซ้อมรบทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในเจนเนอเรชันนี้ ในรอบ 50 ปี ที่นอร์เวย์ ฟยอร์ด (Norway Fjord) ที่อยู่ในภูมิภาคทางเหนือของประเทศ คือ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน ขณะที่พันธมิตรฝั่งตรงข้าม คือ จีน, รัสเซียและอิหร่าน ก็จัดการซ้อมรบที่อ่าวโอมานเช่นกัน
การซ้อมรบของ NATO ภายใต้การนำของนอร์เวย์ ที่จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 15 มีนาคม ภายใต้รหัส "นอร์ดิค เรสปอนซ์ 2024" (Norway-led Nordic Response 2024" ได้มีขึ้นหลังการรับสวีเดนเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 32 เมื่อวันที่ศุกร์ (8 มีนาคม) มีทหาร 20,000 นาย จาก 13 ชาติสมาชิกเข้าร่วม ได้แก่ เบลเยียม, อังกฤษ, แคนาดา, ฝรั่งเศส, สวีเดน,เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, เยอรมนี, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, สเปน และสหรัฐฯ
ทหารครึ่งหนึ่งที่เข้าร่วมจะซ้อมรบบนบก ส่วนที่เหลือซ้อมรบทางทะเลที่มีทั้งเรือดำน้ำ, เรือฟรีเกต, เรือคอร์เวตต์, เรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือสะเทินน้ำสะเทินบกมากกว่า 50 ลำ, เครื่องบินรบมากกว่า 100 ลำ, เครื่องบินลำเลียง, เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลและเฮลิคอปเตอร์มากกว่า 100 ลำ เพื่อพิสูจน์ว่าพันธมิตร NATO สามารถทำงานร่วมกันใน "สถานการณ์ที่ไม่เป็นมิตร" ได้อย่างไร
ทางฝั่งของจีน รัสเซียและอิหร่าน ต่างก็ส่งเรือรบเข้าร่วมการซ้อมรบที่อ่าวโอมาน เมื่อวันอังคาร (12 มีนาคม) เพื่อมุ่ง "ร่วมกันรักษาความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค" โดยมีเรือพิฆาตกับเรือเสบียงของจีน และกองเรือรัสเซียจากกองเรือแปซิฟิก โดยเกิดขึ้นในช่วงที่เกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธของฮามาส จากการโจมตีของกองกำลังตัวแทนของอิหร่านทั่วภูมิภาค ที่รวมทั้งกลุ่มฮูตีในเยเมนที่โจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงกับอ่าวเอเดน ทำให้ถูกตอบโต้จากตะวันตก
อิหร่านได้ยืนยันว่า หน่วยนาวิกโยธินของจีนกับรัสเซียได้เข้าสู่น่านน้ำในอาณาเขตของอิหร่าน เพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบทางทะเลร่วมกันที่อ่าวโอมานในทะเลอาหรับ โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการซ้อมรบ คือ เพื่อความปลอดภัยของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทางทะเล