
รายงานซึ่งจัดทำโดยมูลนิธิ "Ellen MacArthur" เป็นผลมาจากการทำโครงการวิจัยที่ใช้ระยะเวลา 5 ปี เริ่มเมื่อปี 2558 ซึ่งตัวเลขที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้เพียงแค่ราว 250,000 ตันเท่านั้น โดยนักวิจัยระบุว่าการคำนวณของพวกเขา อ้างอิงแบบจำลองคอมพิวเตอร์ของมหาสมุทรต่าง ๆ ของโลก รวมทั้งการประเมินขยะพลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเลด้วย ซึ่งพบว่าเมื่อปี 2563 มีขยะพลาสติกราว 3.2 ล้านตัน อยู่ในทะเลทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 4%
แบบจำลองที่สร้างขึ้นได้ประเมินว่า ชิ้นส่วนพลาสติกที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 นิ้ว (25 มิลลิเมตร) ครองสัดส่วนพลาสติกในมหาสมุทรมากกว่า 95% และแม้อนุภาคพลาสติกส่วนใหญ่ในมหาสมุทรจะมีขนาดเล็กมาก แต่มวลรวมของไมโครพลาสติกเหล่านี้ ที่มีขนาดน้อยกว่า 0.2 นิ้่ว (5 มิลลิเมตร) นั้น ค่อนข้างต่ำ
นักวิจัยระบุว่าถ้าไม่หยุดใช้ ปริมาณพลาสติกทั้งหมดในมหาสมุทรก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายใน 20 ปี ขึ้นไปอยู่ที่ 6.4 ล้านตัน แต่แม้จะะเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่ปริมาณการเพิ่มขึ้นก็ยังถือว่าน้อยกว่าเมื่อปี 2557 ที่พุ่งพรวดเดียว 150 ล้านตัน แต่ขณะเดียวกันก็พบว่า ขยะพลาสติกบนพื้นผิวทะเลน้อยลงกว่าที่เคยคิดไว้ครึ่งล้านตันในแต่ละปี เทียบกับประมาณการเดิมที่่อยู่ระหว่าง 4 - 12 ล้านตัน
รายงานยังชี้ด้วยว่าภายในปี 2593 จำนวนขยะพลาสติกในทะเลในโลกจะมากกว่าเมื่อเทียบโดยน้ำหนัก จากการคำนวณพบว่าปริมาณขยะพลาสติกในมหาสมุทร จะอยู่ที่ระหว่าง 850-950 ตัน เมื่อเทียบกับปริมาณปลาที่อยู่ที่ 812-899 ตัน
รายงานของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme) ชี้ว่า ขยะพลาสติกได้คร่าชีวิตนกทะเลมากกว่า 1 ล้านตัว และสัตว์ทะเลที่เลี้่ยงลูกด้วยนมอีก 1 แสนตัวในแต่ละปี ขณะที่ผลการศึกษาครั้งใหม่นี้ ออกมาในขณะที่โลกรอคอยร่างแรกของสนธิสัญญาระหว่างประเทศของสหประชาชาติ ที่จัดทำขึ้นเพื่อต่อสู้กับมลพิษจากพลาสติก ที่คาดว่าจะออกมาในเดือนพฤศจิกายนนี้