เรือดำน้ำ "ไททัน" เคยมีปัญหาแบตเตอรี่หมด

"อลัน เอสทราดา" นักแสดงชาวเม็กซิกัน ได้แชร์ประสบการณ์ที่อาจโยงไปถึงความเป็นไปได้ถึงสาเหตุที่ทำให้สัญญาณของเรือดำน้ำ "Titan" ขาดหายไป จากการที่เขาเคยร่วมทริปกับเรือดำน้ำลำนี้ ไปดูซากเรือ Titanic แต่แบตเตอรี่หมดกระทันหัน ทำให้การเดินทางต้องยุติลง

อลัน เอสทราดา ซึ่งมีช่อง Youtube ของตัวเองชื่อ "alanxelmundo" เล่าว่า เขาเคยเดินทางไปกับเรือดำน้ำ "Titan" เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ปี 2565 ซึ่งระยะเวลาของการลงไปชมซากไททานิกจะอยู่ที่ 4 ชั่วโมง แต่ปรากฎว่า แค่เพียงชั่วโมงเดียว แบตเตอ่รีก็เหลือแค่ 40% ทำให้ต้องยุติการเดินทางเร็วกว่ากำหนด นอกจากนี้ Titan ยังมีปัญหาด้านการสื่อสารอีกด้วย

นับเป็นโชคดีของเอสทราดา ที่แม้จะทริป 4 ชั่วโมง จะหดเหลือแค่ 1 ชั่วโมง แต่เขากับเพื่อนร่วมทางคนอื่น ก็ได้ขึ้นสู่ผิวน้ำโดยปลอดภัยก่อนพลังงานที่ขับเคลื่อน Titan จะหมดลง

คลิปวิดีโอช่องของเขาเอง "alanxelmundo" เอสทราดา อธิบายว่า ตอนนั้นเป็นที่เข้าใจได้ว่า เรือดำน้ำเหลือแบตเตอรี่ก้อนสุดท้าย จากทั้งหมด 2 ก้อน โดยก้อนที่ 2 เหลือแค่ 40% มันจำเป็นที่จะต้องกลับคืนสู่ผิวน้ำเพื่อความปลอดภัย นั่นหมายความว่า 4 ชั่วโมงที่พวกเขาบอกคุณ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

แม้จะใช้เวลาไม่มาก แต่เอสทราดา ก็ยังได้ถ่ายรูปกับหน้าต่างทรงกลม (Porthole window) ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรือ Titanic ส่วนการเดินทางไม่ได้ราบรื่นอย่างที่หวัง เพราะเรือ Titan ยังมีปัญหาด้านการสื่อสารอีก 2 ชั่วโมง ในระหว่างการเดินทางอีกด้วย

เอสทราดาเป็นหนึ่งในหลายคน ที่ยกประเด็นด้านการสื่อสารของเรือ Titan ขึ้นมาพูด หลังขาดการติดต่อไป 1 ชั่วโมง 45 นาที ในการเดินทางล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ พร้อมกับนักเดินทางอีก 5 คน ก่อนสัญญาณจะขาดหายไป ทำให้นานาชาติต้องร่วมกันปฏิบัติการค้นหาเป็นบริเวณกว้างในมหาสมุทรแอตแลนติก และเชื่อว่าความลึก 12,000 ฟุต ที่เรือดำดิ่งลงไป เป็นอุปสรรคสำคัญที่ยากต่อการลงไปค้นหา

เอสทราดา บอกว่า ทริปของเขาซึ่งมีราคา 125,000 ดอลลาร์ (เรตเมื่อ 2 ปีก่อน) ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ และเดิมมีกำหนดจะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2564 แต่เลื่อนออกไปเป็นปี สาเหตุจากปัญหา "ยุ่งยาก" ของเรือ "Titan" ที่ไม่มีการระบุเฉพาะเจาะจงว่าคืออะไร ส่วนราคาท่องเที่ยวในปัจจุบันจะปรับขึ้นเป็น 250,000 ดอลลาร์