นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล. กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยกับ Nation Onlineว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ ซึ่งต้องติดตามปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะเงินเฟ้อสหรัฐฯ จีน และไทย รวมถึงการเมืองในประเทศ ประเมินแนวต้านแรก 1,550 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,562 จุด แนวรับแรกที่ 1,518 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,507 จุด
ปัจจัยต่างประเทศที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย
• 9 ส.ค. เงินเฟ้อ CPI ของจีน ก.ค. ตลาดคาด -0.5%y-y และเงินเฟ้อ PPI ก.ค. ตลาดคาด -0.4%
• 10 ส.ค. เงินเฟ้อทั่วไป ของสหรัฐฯเดือน ก.ค. ตลาดคาด +3.3%y-y เร่งจากเดิมอยู่ที่ +3.0%y-y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน ก.ค.ตลาดคาด +0.2%m-m จากเดิมอยู่ที่ +0.2%m-m อยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด 2.0-2.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 รวมถึงความคาดหวังเงินเฟ้อ 1ปี (U of Michigan)
• 11 ส.ค. ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ส.ค. 23 (เบื้องต้น) ตลาดคาด 71 จุด ทรงตัวสูงจากเดิมอยู่ที่ 71.6 จุด
• 11 ส.ค. อังกฤษประกาศตัวเลขจีดีดี งวด 2Q23
ปัจจัยในประเทศที่ต้องเกาะติด
• การเมือง ตามแนวทางจัดตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทยที่อาจจะมีความคืบหน้าก่อนที่ 16 ส.ค. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับ หรือ ไม่รับฟ้องกรณีโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลรอบ 2
• ประกาศงบไตรมาส 2/66 ของเรียลเซกเตอร์ โดยหุ้นหลักที่จะรายงานกำไร 2Q23F กลุ่มกำไรดี ADVANC, BJC, GPSC, ICHI, BEM, CPALL, GULF, WHA, AOT, MINT กลุ่มลุ้นผ่านจุดแย่ CPAXT, DOHOME, KCE, BCP, PTTGC, TOP, HANA, IVL อื่นๆ TU, AP, SPALI, IRPC, IRPC, OSP, CBG, INTUCH, AMATA, BDMS, CENTEL, CPF
• SET EPS: กำไรตลาดอิง BB สัปดาห์นี้อยู่ที่ 89.7 บาท จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 91.0 บาท กลุ่มที่ตลาดปรับกำไรขึ้น คือ เกษตร, วัสดุฯ, ธนาคาร, ร.พ. กลุ่มที่ปรับลง คือ สื่อสาร โรงแรม
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้แนะนำ
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้กับ Nation Online ว่า วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯ เปิดเผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 1.87 แสนตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดประเมินที่ 2.05 แสนตำแหน่ง
ด้านอัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.5% ดีกว่าตลาดคาดที่ 3.6% และค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงขยายตัว 0.4%MoM สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.3%MoM โดยอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ได้แก่ การให้บริการทางการแพทย์ การให้บริการทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ภาคผลิตมีการจ้างงานที่ลดลง หลังจากทราบตัวเลขข้างต้นพบว่า CME FED Watch ยังให้น้ำหนักสูงราว 87% ที่การประชุมเฟดเดือนกันยายนจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมและ US Bond Yield ทั้งรุ่นอายุ 2 และ 10 ปีปรับลงแรง สะท้อนมุมมองการผ่อนคลายดอกเบี้ยและเงินเฟ้อจากนักลงทุน
ส่วนสัปดาห์นี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อทั้งไทยและสหรัฐฯ สำหรับไทยวันจันทร์กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดรายงานเงินเฟ้อประจำเดือน ก.ค. Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.66%YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 0.9%YoY ปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายของไทยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2.25%
ทั้งนี้ส่งผลให้ดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ยนโยบาย - เงิน เฟ้อ) กลับขึ้นมาเกินกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ -0.05% หรือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าระดับปัจจุบันเท่าใด
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการลดดอกเบี้ยยังไม่เกิดขึ้นเพราะเศรษฐกิจไทยยังเห็นการขยายตัวแต่ดอกเบี้ยจะคงระดับนี้ไว้จนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยสหรัฐฯหรือเห็นการอ่อนแรงของเศรษฐกิจไทยโดยมองกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้ประโยชน์ (BBL KTB)
สำหรับสหรัฐฯมีกำหนดรายงานเงินเฟ้อในวันพฤหัสบดีช่วง 19.30 เวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 3.3%YoY สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 3%YoY แม้จะเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าแต่เชื่อว่าไม่มีผลต่อตลาดมาก เพราะทิศทางดอกเบี้ยไม่น่าเปลี่ยนแปลงด้วยดอกเบี้ยเฟดที่สูงกว่าระดับเงินเฟ้อ
สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,500 – 1,550 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะลดพอร์ตการลงทุนจากการที่มองดัชนีรับปัจจัยบวกต่าง ๆ ไปมากแล้ว
ส่วนหุ้นแนะนำระยะสั้นเลือกกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP, SPRC, TOP) โรงไฟฟ้า (BGRIM ,GPSC, GULF) ค้าปลีก (BJC, CRC, CPALL, HMPRO)