นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้กับ Nation Online ว่า หุ้นไทยแกว่งในกรอบแคบ ประเมินกรอบการเคลื่อน ไหว 1,660-1,700 จุด
โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือวันที่ 17 ม.ค.การประกาศตัวเลขจีดีพีจีนไตรมาส 4/65 คาดว่าโตอยู่ที่ 1.7% YOY และโต 3.9% หากเทียบไตรมาส 3/65 ตัวเลขเงินเฟ้อของจีนเดือนธ.ค.อยู่ที่ 10.6% จากเดิมในเดือนพ.ย.อยู่ที่ 10.7%
ส่วนในประเทศเป็นลุ้นโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เข้าครม. การรายงานงบไตรมาส 4/65 ของบริษัทจดทะเบียน เริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น TISCO คาดกำไรประมาณ 1,820 ล้านบาท จ่ายปันผล 7-7.5 บาทต่อหุ้น
แต่ต้องรอดูหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล คาดว่าจะอยู่ที่ 2.1-2.15% ถ้ามากกว่าคาดก็อาจถูกเทขาย หลังจากนั้นเป็นการรายงานงบของ KBANK , KKP,KTB,BBL ,TTB,SCB,BAY
นอกจากนี้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีน 2566 ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มหมูและไก่ คาดว่าจะได้ประโยชน์จากราคาสินค้าเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดราคาสุกรหน้าฟาร์มขึ้นกก.ละ 2 บาท มาอยู่ที่กก.ละ 96 บาท แนะลงทุนกลุ่มเกษตร-อาหาร เช่น CPF,TFG, GFPT
ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นปันผลและหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ แนะนำ THANI (FV@B5) TFG (FV@B7) ปันผล 4.7% NER (FV@B9) จ่ายปันผลปีละ 6.9%
นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวกับ Nation Online ว่า หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,606-1,691 จุด โดยโฟกัสใน 3 ประเด็นหลักคือ การประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของจีน คาดว่าอยู่ที่ 1.8%YOY และโต 3.9% หากเทียบไตรมาส 365 ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ และการประกาศงบไตรมาส 4/65 ของบริษัทจดทะเบียน
นำโดยกลุ่มแบงก์(ครอบคุลม 7 แบงก์ประกอบด้วย BBL, KKP,KTB,BBL ,TTB,SCB,TISCO) คาดกำไรสุทธิ 4.5 หมื่นล้านบาท โต 40% YOY และโต 7% QOQ จากสินเชื่อขยายตัวดีในช่วงไตรมาส 4 หลังโควิดคลี่คลายธุรกิจเริ่มกลับมาให้บริการอีกครั้ง
ส่วนปัญหาเงินเฟ้อคาดว่าผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย ประกอบกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยจะเกิดภาวะถดถอยนั้นน้อยกว่าประเทศอื่น เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่เหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ที่เร่งขึ้นดอกเบี้ยคุมเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันแม้ต่างชาติซื้อสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาท แต่สถาบันขายสุทธิ 9.5 พันล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ์ 8.9 ล้านบาท ส่วนบัญชีบล.ซื้อสุทธิ 1.1 พันล้านบาท
สำหรับธีมการลงทุนนั้นเน้นหุ้นได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ เช่น SNNP,DDD,BCH, EKH, และ PR9 เป็นต้น หุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 4/65 เติบโต เช่น SABINA, SHR และหุ้น Anti Commodities เช่น SSP และวัสดุก่อสร้าง เช่น TOA ด้านกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ SSP (FV@B13) TOA (FV@B38) และ MAKRO (FV@B46)