svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

คลังคาดจีดีพีปี 68 โตเกิน 3% จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ

31 มกราคม 2568
เกาะติดข่าวสาร >> NationTV
logoline

คลังหวังจีดีพีปี 68 โตเกิน 3% ชู 4 ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจ คาดนักท่องเที่ยวแตะ 38.5 ล้านคน โกยรายได้ 1.83 ล้านล้าน จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงหลังทรัมป์นั่งประธานาธิบดีอีกสมัย

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุ เศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.5% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.3 -2.8%) ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ขยายตัวที่ 1.9% ต่อปี โดยได้แรงสนับสนุนหลักจาก 

1. การฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเท่ากับ 35.5 ล้านคน 

2. การบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัว 4.7% (ช่วงคาดการณ์ที่ 4.5-5%) ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น และ 3) มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐตามเกณฑ์สถิติดุลการชำระเงิน (Balance of Payments: BOP) ที่คาดว่าจะขยายตัว 5.9% (ช่วงคาดการณ์ที่ 5.7-6.2%) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับการบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 0.6% (ช่วงคาดการณ์ที่ 0.4-0.9%) และการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.1% (ช่วงคาดการณ์ที่1.9-2.4%) อย่างไรก็ดี การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าหดตัวที่ -2.7% (ช่วงคาดการณ์ที่ -3.0 ถึง -2.5%) เนื่องจากการหดตัวของการลงทุนด้านเครื่องจักรเครื่องมือโดยเป็นผลมาจากยอดขายรถยนต์สันดาปที่ลดลง ประกอบกับการเข้าถึงสินเชื่อที่ยากทำให้ผู้ประกอบการยังชะลอการตัดสินใจลงทุน ซึ่งต้องจับตาการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป

ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.4% (ช่วงคาดการณ์ที่ 0.2-0.7%)  เนื่องจากราคาพลังงานในตลาดโลกปรับตัวลดลง สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะเกินดุล 10.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 2% ของ GDP 
 

คลังคาดจีดีพีปี 68 โตเกิน 3% จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ

สำหรับปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3% (ช่วงคาดการณ์ที่ 2.5-3.5%) มีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ 

1.การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.3% ต่อปี โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและรายได้เกษตรกรขยายตัวดีต่อเนื่อง 

2.การส่งออกปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 4.4% สอดคล้องความต้องการสินค้าของตลาดโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่ปรับตัวดีขึ้น

3.การท่องเที่ยวคาดว่าขยายตัวต่อเนื่องด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าเพิ่มขึ้นเป็น 38.5 ล้านคน ซึ่งสนับสนุนรายได้จากการท่องเที่ยวและส่งเสริมภาคบริการและภาคการผลิตที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศ 1.83 ล้านล้านบาท

4.การลงทุนปี 2568 จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าขยายตัว 2.7% จากการเร่งโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนโดยบีโอไอ ซึ่งมีมูลค่าขอรับการส่งเสริม 1.14 ล้านล้านบาท ในปี 2567 คาดว่าทยอยลงทุนจริงภายใน 1-4 ปี หลังการอนุมัติโครงการ 

ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าขยายตัว 3.4% จากความต่อเนื่องในการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนและการเร่งรัดโครงการสำคัญ และกระตุ้นการลงทุนต่อเนื่องในภาคเอกชน โดยแรงหนุนจากเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ส่งผลให้การบริโภคภาครัฐขยายตัว 1.3%

สำหรับเสถียรภาพราคาภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.9% เร่งขึ้นจากปีก่อนหน้าตามอุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัว ขณะที่เสถียรภาพนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 13.0 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 2.4% ของจีดีพี สะท้อนศักยภาพที่เข้มแข็งของภาคต่างประเทศ และการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว

คลังคาดจีดีพีปี 68 โตเกิน 3% จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังมีโอกาสขยายตัวได้สูงกว่า 3 % หรืออาจถึง 3.5% ซึ่งเป็นสมมุติฐานดีที่สุด โดยต้องขับเคลื่อน 5 เรื่อง ได้แก่

1.การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน ซึ่งจากข้อมูลในปีที่ผ่านมาการเบิกจ่ายงบประมาณในการลงทุนอยู่ที่ 75% หากสามารถผลักดันการลงทุนการเบิกจ่ายการลงทุนให้เพิ่มขึ้นเป็น 80% หรือเพิ่มขึ้นอีก 5% ก็จะมีเม็ดเงินลงทุนลงสู่ระบบเศรษฐกิจอีก 4.65 หมื่นล้านบาท ช่วยดันจีดีพีเพิ่มขึ้นได้อีก 0.11%

2.การติดตามกระบวนการใช้จ่ายของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หรือการแจกเงิน 10,000 บาทในเฟสที่ 3 ที่จะเบิกจ่ายในไตรมาส 2  ปีนี้ โดยการติดตามเฟส 1 พบว่านำไปใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจดีระดับหนึ่ง แต่ต้องหาแนวทางจูงใจให้นำเงินที่รัฐจะแจกเฟส 3 ให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเต็มที่จะเพิ่มจีดีพีในปี 2568 ได้อีก 0.1%

3.การเร่งรัดการลงทุนโครงการบ้านเพื่อคนไทยเพื่อให้เกิดการลงทุนตามแผนงาน ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 830 ล้านบาท ช่วยผลักดันจีดีพีได้อีก 0.002%

4.การกระตุ้นการท่องเที่ยวและช่วงปลายปี 2568 ไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 โดยหากเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ถึง 5 แสนคน จะช่วยเพิ่มจีดีพีในปี 2568 ได้ 0.15%

5.การเร่งรัดโครงการการลงทุนของภาคเอกชนหลังได้รับการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนแล้ว โดยเฉพาะ Data Center และ Cloud Region โดยมีโครงการรอการลงทุน เช่น กูเกิล และ Amazon Web Services (AWS) หากเร่งลงทุนปีนี้ไม่ต่ำกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท จะช่วยให้จีดีพีในปี 2568 ขยายตัวเพิ่ม 0.19% 

ทั้งนี้ หากผลักดันเต็มศักยภาพและทำตามแผนมั่นใจ 100% ว่าจะเพิ่มอัตราการขยายตัวได้อีก 0.5% ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.5% ได้

คลังคาดจีดีพีปี 68 โตเกิน 3% จับตา 5 ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ

ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยปี 2568 ให้ความสำคัญ 5 เรื่อง ได้แก่

1.แนวทางนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ กลับขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย รวมทั้งการตอบโต้ของแต่ละประเทศ โดยไทยอยู่ในเกณฑ์ได้รับผลกระทบจากการเกินดุลการค้าสหรัฐ

ทั้งนี้ไทยต้องเตรียมความพร้อมลดความเสี่ยง 3 เรื่อง ได้แก่ การกระจายตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้า โดยลดพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐให้น้อยลง เร่งการลงทุนในประเทศให้มีศักยภาพสูงสุด ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจและการจ้างงานในประเทศ

2.การนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายสหรัฐเพิ่มขึ้นกับผลกระทบต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทย ซึ่งมีแนวโน้มที่สินค้าจากประเทศที่ถูกสหรัฐกีดกันทางการค้าจะเข้ามาไทยมากขึ้น ซึ่งต้องมีมาตรการตั้งรับต่อเนื่อง

3.ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย 

4.ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในหลายภูมิภาคที่อาจสร้างความผันผวนและจำกัดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

5.ปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจของไทย ซึ่งอาจกระทบกำลังซื้อและการใช้จ่ายในระยะต่อไป

logoline
News Hub