นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังที่จะมาถึงในช่วงเดือนธันวาคม นี้ คาดว่าเกษตรกรจะนำผลผลิตออกมาจำหน่ายจำนวนมาก เพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสกดราคารับซื้อและเกษตรกรได้รับความเป็นธรรมจากการขายผลผลิตทางการเกษตร ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายพิชัย นริพทะพันธุ์) ที่สั่งการให้กรมการค้าภายในกำกับดูแลราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะมันสำปะหลังให้มีเสถียรภาพ เพื่อยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกร จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดและนายตรวจชั่งตวงวัด ปูพรมตรวจสอบผู้ประกอบการรับซื้อมันสำปะหลังทั่วประเทศ
จากการนำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา เกษตรอำเภอ และนายตรวจชั่งตวงวัด ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การรับซื้อมันสำปะหลังของผู้ประกอบการลานมันและโรงแป้ง ในอำเภอปากช่อง สีคิ้ว ด่านขุนทด และปักธงชัย เมื่อวันที่ 18 - 19 พฤศจิกายน 2567 พบว่า ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีการแสดงราคารับซื้อที่ชัดเจนและเปิดเผย ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่เป็นไปตามมาตรฐานที่กรมการค้าภายในกำหนด โดยราคาหัวมันสด เชื้อแป้ง 25% เฉลี่ยอยู่ที่ 2.50 บาท สำหรับสถานการณ์ด้านการผลิตในพื้นที่นั้น ผลผลิตของเกษตรกรได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว แต่ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่เก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนครบอายุ รวมทั้งการใช้พันธุ์มันสำปะหลังที่ไม่ได้รับการรับรองจากภาครัฐ ส่งผลให้หัวมันสดยังมีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งน้อย ประมาณ 19% – 20% ซึ่งส่งผลต่อราคาที่เกษตรกรได้รับให้ลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2567 เนื่องจากเป็นช่วงที่พ้นฤดูฝนแล้ว
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการพาณิชย์จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลัง ให้ติดตามสถานการณ์การซื้อขายมันสำปะหลังอย่างใกล้ชิด รวมทั้งกำกับดูแลการรับซื้อให้มีความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทั้งด้านคุณภาพและราคา และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ครบอายุเพื่อให้ได้คุณภาพและได้รับราคาที่สูงขึ้น และขอเตือนให้ผู้ประกอบการรับซื้อสินค้าเกษตรปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีการกดราคารับซื้อ ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีไม่แสดงราคารับซื้อ หรือแสดงไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หรือมีการคิดค่าชั่งน้ำหนักสินค้าเกษตรที่รับซื้อ ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กรณีใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่ไม่มีเครื่องหมายรับรองหรือคำรับรองสิ้นอายุในการซื้อขายสินค้า ต้องระวางโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีโกงเครื่องชั่งหรือใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่มีการดัดแปลงแก้ไข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะดำเนินคดีอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดไม่ได้รับความเป็นธรรมในการขายหัวมันสำปะหลังสดหรือสินค้าเกษตรอื่น รวมทั้งพบเห็นหรือทราบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ