มุมมองนักธุรกิจส่งออกอาหารทะเล กับกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา

กำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา จะส่งผลกระทบต่อกับผู้ประกอบการด้านการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา ในส่วนของผู้ประกอบการอาหารทะเลแปรรูปที่ส่งไปจำหน่ายประมาณ 20 ตู้คอนเทรนเนอร์ มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ก็ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี และในอนาคต สินค้าจากประเทศจีนจะเข้ามาตีตลาดของประเทศไทย เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่า อาจจะส่งผลมีคนตกงานและมีการปิดบริษัทมากขึ้น ผู้ประกอบการมองว่า รัฐบาลควรเร่งแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน 

9 เมษายน 2568  นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ กรรมการบริหาร บริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศปรับขึ้นภาษี 36 เปอร์เซ็นต์ สินค้าที่จะส่งเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแต่ละสินค้านั้นจะมีภาษีไม่เท่ากัน ในส่วนของบริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) นั้น ส่งสินค้าอาหารทะเลแปรรูปไปสหรัฐอเมริกาปีละประมาณ 20 ตู้ หรือมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ก็ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้น ประมาณ 24 เปอร์เซ็นต์ และก็ไม่มีความคิดที่จะเพิ่มการส่งออกสินค้าไปเพิ่มขึ้นจากเดิม เนื่องจากภาษีแพง 

และการปรับขึ้นภาษีสินค้านั้น จะเห็นผลกระทบในอีกประมาณ 3-4 เดือนข้างหน้านี้ ผู้ประกอบการควรเตรียมตัวรับมือ และวางแผนให้ดี ในการที่จะส่งสินค้าไปประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงควรมองหาคู่ค้าประเทศอื่นไปด้วย เพื่อลดความเสี่ยง และเป็นการขยายตลาดให้กว้างขวางยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากังวลนอกหนือจากการปรับขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาแล้ว คือสินค้าจากประเทศจีนที่จะเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากประเทศจีนก็หลีกเลี่ยงที่จะส่งสินค้าไปประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ก็จะทำให้สินค้าจากประเทศจีนจะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย และประเทศอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากสินค้าจากประเทศจีนมีราคาถูกมาก และคุณภาพสินค้าก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

แต่สินค้าราคาถูกและมีจำนวนมาก จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศไทยที่ผลิตสินค้าจำหน่าย เนื่องจากประเทศไทยมีต้นทุนราคาสินค้าที่สูงกว่าของประเทศจีน ดังนั้น การที่สินค้าจากจีนเข้ามาตีตลาดประเทศไทย อาจจะส่งผลทำให้ผู้ประกอบการของไทยต้องปิดตัวลง และเกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น รัฐบาลเองก็ต้องเร่งวางแผนที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วง 3-4 เดือนนี้ หากไม่วางแผนให้ดีก็จะไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงานในประเทศได้