svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดรอบ 13 เดือน

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ต่ำสุดในรอบ 13 เดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค.66 หลังประชาชนยังไม่เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ระบุ ผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนสิงหาคม 2567 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 เป็นต้นมา เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า เพราะยังไม่เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนของรัฐบาลใหม่ ประกอบกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และผู้บริโภคยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางและสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงยืดเยื้ออาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจไทย 

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดรอบ 13 เดือน

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 41.5 เป็น 40.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวลดลงจากระดับ 65.4 มาอยู่ที่ระดับ 64.3 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ทุกรายการ แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ แม้ว่าสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันเริ่มมีเสถียรภาพในมุมมองของผู้บริโภค เนื่องจากประชาชนยังไม่เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม 
 

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคตอันใกล้ หากรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทในปลายไตรมาสที่ 3 ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 2.6-2.8% ในปีนี้ แต่ถ้าไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 2.4-2.6%

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดรอบ 13 เดือน

"ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ส.ค. แม้จะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ แพทองธาร แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนก็ยังไม่ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ สัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจของไทยก็ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ส่วนแนวโน้มดัชนีเชื่อมั่นในเดือนก.ย.คาดว่า น่าจะดีจะขึ้น เนื่องจากประชาชนมีความหวังเรื่องการรับเงิน 10,000 บาท ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คาดว่าการแจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบางประมาณ 14.5 ล้านคนก่อน และใช้งบประมาณเกือบ 150,000 ล้านบาท จะทำให้คนใช้เงินทันที อย่างน้อยก็ 20-30% ของเงินทั้งหมด ซึ่งจะมีเงินสะพัดทั่วประเทศ และเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจแน่นอน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคน่าจะดีขึ้น แต่จะดีขึ้นแค่ไหน ต้องติดตามการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปลายเดือนก.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ผลสัมฤทธิ์ของเงินดิจิทัลได้ระดับหนึ่ง"