"ราคาไข่ไก่" พิสูจน์ฝีมือรัฐบาล? แล้วยุคไหนแพงสุด มาดูกัน

ประเด็น "ราคาไข่ไก่" ไม่ได้เพิ่งถูกพูดถึง แต่มีการพูดถึงในทุกๆรัฐบาล โดยมีฉายาให้แต่ละยุค ขึ้นอยู่กับว่าเวลานั้นใครกำลังนั่งเก้าอี้นายกฯ ไม่ว่าจะเป็น สมัยนายทักษิณ ชินวัตร "ไข่ทักษิณ" สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ "ไข่มาร์ค"  รัฐบาลเศรษฐา "ไข่เศรษฐา" เป็นต้น 

"ไข่เศรษฐา" ราคาพุ่งสูงสุด

เดือนกันยายน 2566 เป็นการต้อนรับนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของไทย "เศรษฐา ทวีสิน" ด้วยวาระร้อนกับราคาไข่ไก่ที่พุ่งสูงทำลายสถิติ ด้วยราคาคละหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 4.10 บาท เฉลี่ยไข่เบอร์ 0 ที่ขายตามท้องตลาดราคาสูงถึงฟองละ 5 บาท แพงสุดเป็นประวัติการณ์ 

หากดูข้อมูลย้อนหลังจะพบว่า ราคาคาไข่ไก่เริ่มดีดตัวตั้งแต่ พ.ศ.2565 ยุคพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหตุเพราะช่วงเวลาดังกล่าว ราคาต้นทุนสูงขึ้น ทั้ง ราคาอาหารสัตว์ ราคาน้ำมันในการขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าจ้างแรงงาน ที่ต้องปรับขึ้นทุกปี โดยช่วงนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ออกมาชวนให้คนไทยทุกคนเลี้ยงไก่ เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน

ย้อนดู "ราคาไข่ไก่" 5 รัฐบาล 

"เนชั่นออนไลน์" ชวนมาย้อนดูราคาไข่ไก่ของแต่ละรัฐบาล โดยเทียบราคาเฉลี่ยของราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม และราคาที่ขึ้นไปพีคสุดของช่วงรัฐบาลนั้นๆ  เริ่มจาก

• ทักษิณ ชินวัตร (พ.ศ.2544 - 2549)  

ช่วงรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” ค่อนข้างผันผวนอย่างหนัก “ไข่ทักษิณ” ในช่วงปี 2545 ราคาตกต่ำลงเหลือฟองละ 1.55 บาท จนผู้เลี้ยงไก่ต้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ และใช้วิธีการปัญหาด้วยการ “เร่งส่งออก” แต่ราคาก็ยังดิ่งลงเหลือ 1.55 บาท

ด้วยราคาที่ตกต่ำลง ราคาอาหารสัตว์แพงขึ้น จึงเลือกวิธี “ฆ่าแม่ไก่” ไปนับล้านตัว ในช่วงปลายปี 2545 ถึงต้นปี 2546 วิธีดังกล่าวถือว่า “ได้ผล” กระทั่งกลางปี ราคาไข่เริ่มปรับขึ้น

ปี 2547 “ไข่ทักษิณ” ขึ้นราคาอย่างหนัก เหตุเพราะ “ไข้หวัดนก” ระบาดหนัก จึงจำเป็นต้อง “ทำลายไก่” ไปจำนวนมาก 16 มิ.ย.47 ราคาไข่ไก่ เฉลี่ยอยู่ที่ 3.10-3.30 บาท ถือว่าราคาสูงเป็นประวัติการณ์ (ยุคนั้น) โดยช่วงที่ราคาไข่ขึ้นไปสูงสุดอยู่ที่ ฟองละ 4 บาท 

• อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พ.ศ.2551 - 2554) 

รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ราคาไข่ ขายปลีก เบอร์ 3 ราคาใบละ 2.85 บาท (14 ก.ย.52) หากเป็นเบอร์ 0 ราคาจะพุ่งขึ้น 3.00-3.30 บาท แผง 30 ใบ จะอยู่ที่ราคา 80 บาท จึงมีแนวคิดเรื่อง “ไข่ชั่งกิโล” กิโลกรัมละ 52 บาท ซึ่งคิดว่าจะถูกลงประมาณ 2-3 บาท/กิโลกรัมื แต่แนวคิดนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะหลายปัญหา

มาตรการนี้จึงจบลงภายใน 3 เดือน โดยราคาเฉลี่ยของยุค"รัฐบาลอภิสิทธิ์" อยู่ที่ฟองละ 2.71 บาท

• ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (พ.ศ.2554 - 2557)

ราคาไข่ "นายกฯ ปู" ช่วงปี 2554-2557 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ฟองละ 2.56-3.00 บาท แต่ราคาในปี 2554 แพงสุด ราคาขายปลีกเคยตกฟองละ 7 บาท  เพราะผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ผลผลิตน้อยมาก แต่ต่อมาราคาไข่ไก่ก็ลดลง เพราะอยู่ในภาวะไข่ล้นตลาด ตลอดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ยฟองละ 2.78 บาท

• พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  (คสช. พ.ศ. 2557 - 2562 ) และ (รัฐบาลประยุทธ์พ.ศ.2562 - 2566 )

มาถึงรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงตั้งแต่ปี 2557-2566 ไข่ไก่ มีการปรับราคาขึ้นอยู่เสมอ ครั้งละ 10 สตางค์ต่อฟอง โดยเริ่มต้น เฉลี่ยอยู่ที่ 2.80 บาทต่อฟอง จนมา 24 เม.ย. 66 ราคาไข่ไก่เบอร์ 0 อยู่ที่ราคาฟองละ 4.20 บาท เบอร์ 1 ฟองละ 4.10 บาท  ซึ่งการปรับราคาขึ้นในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเป็นผลกระทบจากโควิด-19 หรืออื่นๆ ตลอด 8 ปี ราคาเฉลี่ยไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ปรับสูงขึ้นจากรัฐบาลก่อนหน้ามาทะลุฟองละ 3.04 บาท

• เศรษฐา ทวีสิน (ก.ค.2566 - ปัจจุบัน) 

มาถึงรัฐบาลของนายเศรษฐา รับไม้ต่อจากรัฐบาลของลุงตู่ โดยราคาที่ส่งมาก็สูงตามปัจจัยราคาตุ้นทุนต่างๆ เป็นทุนเดิม จากเดือน ก.ค.2566 - ปัจจุบัน ราคาเฉลี่ยคละหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 3.86 บาท ส่วนช่วงที่พีคสุด ราคาสูงถึงฟองละ 5 บาท

"ราคาไข่ไก่" พิสูจน์ฝีมือรัฐบาล?

"ราคาไข่" เป็นหนึ่งสิ่งที่ถูกกำหนดให้อยู่ใน ดัชนีราคาผู้บริโภค (consumer price index: CPI) ที่สะท้อนให้เห็น ราคาสินค้าและบริการพื้นฐานที่จำเป็นและผู้คนใช้เป็นประจำ และบ่งบอกถึงสถานะปากท้องของประชาชน แต่อาจไม่ใช่กระจกที่สะท้อนถึง ฝีมือรัฐบาล ที่จะนำไปข้อสรุปได้ว่า ไข่แพง เท่ากับ รัฐบาลบริหารแย่ หรือ ไข่ถูก เท่ากับ รัฐบาลบริหารดี 

"ราคาไข่ไก่" ถูก-แพง เกิดจากหลายปัจจัย

• ต้นทุน ตั้งแต่วัตถุดิบอาหารสัตว์ ค่าไฟฟ้า ค่ายา ต้นทุนการขนส่ง ฯลฯ เช่น นับตั้งแต่สงครามยูเครน-รัสเซีย (สงครามปะทุ กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565) อาหารสัตว์ราคาแพงขึ้น เพราะยูเครนที่เป็นแหล่งเพาะปลูกธัญพืชแหล่งใหญ่ของโลก ผลิตได้น้อยลง 
• ฤดูกาล ถ้าอากาศร้อน (เกิน 35 องศาเซลเซียส) แม่ไก่จะ 'เครียด' (Heat Stress) กินอาหารได้น้อยลง พอกินน้อย ก็ได้รับสารอาหารไม่พอที่จะสร้างไข่ ทำให้ออกไข่ลดลง ขนาดไข่เล็กลง 
• เทศกาล หากเข้าช่วงเทศกาลหรือวาระที่มีการนำไข่ไก่มาใช้เยอะ ถ้าความต้องการมาก (อุปสงค์) ก็ส่งผลให้ราคาไข่สูง ขณะเดียวกัน ถ้ามีไข่ล้นตลาด ราคาก็ลดลงเช่นกัน 
• ภัยพิบัติ น้ำท่วม ไข้หวัดนก โรคระบาด สงคราม ภาวะโลกร้อน ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อราคาไข่ไก่