นายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ กล่าวว่า การที่สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ปรับราคาไข่คละหน้าฟาร์มขึ้น 0.20 บาทต่อฟอง จากฟองละ 3.60 บาท เป็น 3.80 บาทต่อฟอง มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ผลผลิตไข่ไก่ทั้งระบบลดลงประมาณ 5 -10% เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด หลายพื้นที่อุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ฟาร์มในบางพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ทำให้แม่ไก่ส่วนหนึ่งตาย
ส่วนที่เหลือกินอาหารได้น้อยลง ทำให้ปริมาณไข่ลดลงและขนาดของไข่เล็กลงด้วย โดยสวนทางกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) ประเมินเมื่อปลายปี 2565 ว่า อยู่ที่ฟองละ 3.70 บาทต่อฟอง แต่ต้นทุนได้ปรับสูงต่อเนื่อง ทั้งค่าอาหารและค่าไฟฟ้า
โดยในระยะอันใกล้นี้ ถ้าฝนยังไม่ตกลงมา สภาพอากาศยังร้อนจัด และหลายพื้นที่ยังมีน้ำไม่เพียงพอ ปริมาณไข่ไก่ในระบบจะลดลงอีก อาจส่งผลให้ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มปรับขึ้นเป็น 4 บาทต่อฟองสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ นายมงคล กล่าวต่อว่า ในช่วงต้นปี 2566 จำนวนไก่ไข่ยืนกรงทั่วประเทศมี 52.66 ล้านตัว ประมาณการผลผลิตไข่ไก่ 43.71 ล้านฟองต่อวัน ความต้องการบริโภคในประเทศ 42.64 ล้านฟองต่อวัน แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันที่แม่ไก่บางส่วนตาย และผลผลิตไข่ไก่ลดลงทั้งจำนวนและขนาดฟอง ทำให้เกิดข้อกังวลว่า ปริมาณไข่ไก่จะไม่เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ แต่สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ ได้หารือกับกรมปศุสัตว์อย่างใกล้ชิด ในการกำหนดมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดภาวะไข่ขาดแคลนไว้ล่วงหน้าแล้ว