นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร วสันต์ เคียงศิริ ระบุ หลายสำนักเศรษฐกิจเริ่มปรับลดประมาณการเติบโตจากกว่า 3% เหลือราว 2.6% สะท้อนความเปราะบางต่อตลาดอสังหาฯ ซึ่งในปี 2566 ยังเผชิญปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้นที่คาดว่าจะขยับกว่า 2% หนี้ครัวเรือนสูง การปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัย ต้นทุนก่อสร้างเพิ่ม ที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการหายากมากขึ้น
ดังนั้น รัฐบาลควรต่ออายุมาตรการแอลทีวีเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติ
สิ่งสำคัญคือมาตรการภาครัฐ ยังไม่สอดคล้องกับกลไกการทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยฟื้นตัว เช่น การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะดีเวลลอปเปอร์จะมีภาระเพิ่มขึ้นเท่าตัว จาก 0.3% เป็น 0.6%
ส่วนมาตรการลดหย่อนภาษีควรขยายเวลาอีก 1-2 ปี เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ค่อยเก็บปกติ รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 1% แทบไม่ช่วยฟื้นตลาด เพราะดีมานด์ถูกดึงไปล่วงหน้าแล้ว ภาพรวมนโยบายรัฐจึงไม่กระตุ้นอสังหาฯแต่อย่างใด
สำหรับประมาณการตลาดอสังหาฯแนวราบปี 2566 ด้านความต้องการตลาดหรือดีมานด์ คาดมีการโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ อยู่ที่ 264,571 หน่วย ลดลง 7.4% เชิงมูลค่าอยู่ที่ 753,628 ล้านบาท ลดลง 2.9%
โดยการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ปี 2566 กว่า 58,000 หน่วย สะท้อนว่าตลาดกลับสู่ความสมดุลเหมือนก่อนช่วงโควิดระบาด ซึ่งตอนนั้นโครงการเปิดใหม่หายไปค่อนข้างมาก แต่หากดูใบอนุญาตการจัดสรร เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ภาพรวมตลาดจึงอยู่ในภาวะทรงตัว