svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

แม่ทัพ 1 พร้อมเสริมขีดความสามารถกำลังทางน้ำพื้นที่เมืองกาญจน์

แม่ทัพ 1 พร้อมปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ชายแดน “เมียนมา-เขมร” พร้อมเสริมขีดความสามารถกำลังทางน้ำเมืองกาญจน์ ขณะ จนท. เผย เคยถูกยิงปะทะ ขอสนับสนุนยุทโธปกรณ์เพิ่ม

แม่ทัพ 1 พร้อมเสริมขีดความสามารถกำลังทางน้ำพื้นที่เมืองกาญจน์

พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์  พร้อมระบุว่า ตนได้รับมอบหมาย จากผู้บัญชาการทหารบก ให้มาตรวจเยี่ยมตามนโยบายของรัฐบาล เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การป้องกันการสกัดกั้นยาเสพติด รวมทั้งการป้องกันไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง  โดยวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมบูรณาการระหว่าง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมป่าไม้ สตม. และส่วนอื่นๆ เพื่อร่วมกันหาแนวทาง และรูปแบบ ในการป้องกันงานภารกิจต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย

 

สำหรับศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำ เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งผู้ที่ลักลอบก็เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยเช่นกัน นอกจากเดินทางทางบก ทั้งเดินเท้า รถยนต์ ก็มีการใช้สภาพพื้นที่ที่เกื้อกูล และทางน้ำ เพื่อจะอ้อมผ่านจุดตรวจจุดสกัดที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ตามเส้นทางหลัก ก่อนเข้าพื้นที่ตอนในต่อไป 

 

โดย ศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำ มีบทบาทสำคัญในการช่วยสกัดกั้น จับกุม ซึ่งจากผลงานที่เกิดขึ้น ได้จำนวนผู้ต้องหากว่า  200 รายแล้ว ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในส่วนนี้ และงานต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะทางน้ำโดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งตนได้เน้นย้ำตลอดว่าต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน ทั้งในส่วนของการป้องกันตนเอง การป้องกันอุบัติเหตุต่างๆที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้มากขึ้น ให้มีความสามารถที่จะสกัดกั้นในอนาคตต่อไป

แม่ทัพ 1 พร้อมเสริมขีดความสามารถกำลังทางน้ำพื้นที่เมืองกาญจน์

เมื่อถามว่า เป็นห่วงในพื้นที่ใดเป็นพิเศษหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า เป็นห่วงทุกพื้นที่ตลอดแนวชายแดน 5 อำเภอ เพราะติดชายแดน แต่ที่เป็นห่วงหลักๆ ก็คือ สังขละบุรี และ ทองผาภูมิ เป็น 2 อำเภอที่ค่อนข้างจะมีการกระทำผิดกฎหมายในการลักลอบเข้าเมือง ขณะเดียวกัน มีนโยบายการจัดตั้ง บน.ยส.17 โดย หน่วยบัญชาการสกัดกั้นป้องกันยาเสพติด สารเคมี และสารตั้งต้น ตามแนวชายแดนตะวันตก ซึ่งจัดตั้งใหม่ ตามมติของ ป.ป.ส. โดยพรุ่งนี้ตนก็จะประชุมหารือในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการตั้งในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 3 ไปแล้ว

 

สำหรับอุปกรณ์ที่เตรียมเสนอขอกับรัฐบาลนั้น อาจจะมีในเรื่องของเรือ และเครื่องยนต์ที่จะต้องเพิ่มเติม พร้อมกับส่วนสนับสนุนต่างๆเกี่ยวกับน้ำมัน เพราะเรือจะต้องใส่ ยามาลูป หรือน้ำมันเครื่อง เพื่อให้เครื่องมีความแรงและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเครื่องให้แสงสว่าง และอุปกรณ์ตรวจจับเวลากลางคืน เพราะเมื่อไปกับเรือแล้ว เราไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ปฏิบัติงานต่อไป

 

สำหรับในพื้นที่บ้านวังกะ ที่ผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารนั้น แม่ทัพภาคที่ 1 บอกว่า ก็จำเป็นต้องใช้งานด้านการข่าวเป็นหลัก เพื่อระมัดระวังในการป้องกันตนเองในการปฏิบัติงาน หากเกิดการปะทะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นต้องมีทั้งอุปกรณ์ป้องกันตัวเองที่กองทัพบกสนับสนุนให้เพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็ต้องมีการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำให้ดีขึ้น ให้ถาวร สามารถที่จะทนต่อสภาพภูมิอากาศ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำต้องอยู่ต่อไป ค่อยๆพัฒนาเสริมสร้างตรงนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้มีความสามารถที่จะดูแลกำลังพลที่อยู่ตรงนี้ 

แม่ทัพ 1 พร้อมเสริมขีดความสามารถกำลังทางน้ำพื้นที่เมืองกาญจน์

แม่ทัพ 1 พร้อมเสริมขีดความสามารถกำลังทางน้ำพื้นที่เมืองกาญจน์

แม่ทัพ 1 พร้อมเสริมขีดความสามารถกำลังทางน้ำพื้นที่เมืองกาญจน์

เมื่อถามว่า กองทัพภาคที่ 1 ต้องรับผิดชอบทั้งฝั่งตะวันตกและทางตะวันออก ซึ่งบริบทปัญหาแตกแตกต่างกัน แต่มีจุดร่วมกันคือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการอย่างไรบ้าง แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า เราต้องป้องกันไม่ให้คนไทยถูกหลอกลวงข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเราเอง เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ และจะต้องประชาสัมพันธ์ออกสื่อ เพื่อให้ได้รับทราบ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องสแกมเมอร์ การหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตต่างๆ ตรงนี้ก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์และให้ข้อเท็จจริง ให้ทางผู้ที่จะหลงเชื่อได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร ถ้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เอาข้อมูลจากคนที่เผชิญเหตุแล้วมาบอกต่อ เพื่อให้สาธารณะได้รับทราบ จะได้ระวังตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อ

 

“สังเกตไหมว่าถ้าเราดูจากกองกำลังบูรพา กองกำลังสุรสีห์ ลักษณะการกระทำผิดอะไรต่างๆ จะมีเหมือนกัน ภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ แก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือยาเสพติดคล้ายกัน เพียงแต่ตรงไหนหนักกว่า น้อยกว่า นอกจากนี้ ต้องมาปรับหลักปฏิบัติ แต่สภาพพื้นที่ต่างกัน โดยพื้นที่กองกำลังบูรพา จะเป็นที่โล่ง เรียบ สามารถลักลอบข้ามได้ทุกที่ ส่วนพื้นที่กองกำลังสุรสีห์ ก็จะมีภูเขา ช่องทางกำกับที่ไม่มากนัก และก็มีศูนย์บริการทางน้ำที่เพิ่มเติมขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย อย่างสมัยโควิด ก็สามารถจับกุมได้มากมายทั้ง 2 ฝั่ง และในส่วนของคอลเซ็นเตอร์ก็มี อย่างฝั่งกองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว ที่อยู่ตรงข้าม จ.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ที่มีปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เช่นที่ตึก 25 ชั้น และมีบ่อนการพนันใหญ่

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ทางกองกำลังสุรสีห์ ได้พาสื่อมวลชน นั่งเรือล่องแม่น้ำซองกาเลีย (ชื่อมอญ แต่อยู่ฝั่งไทย) ไปดูการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำ จังหวัดกาญจนบุรี จุดตรวจทางน้ำบ้านวังกะ ซึ่ง จ่าสิบเอก ทวีป ท้าวบรรณพต หัวหน้าชุดศูนย์ปฏิบัติการฯ ให้ข้อมูลว่า ต้องมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจความเรียบร้อยเรือทุกลำที่ผ่านบริเวณนี้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะจุดนี้เป็นต้นน้ำ ถ้าเรือลำใดมีพฤติการณ์ไม่ยอมเข้าด่านตรวจ หลบหนี ก็คาดเดาได้ว่าจะต้องมีการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายมาด้วยแน่นอน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังต้องนำเรือออกลาดตระเวน ติดตาม ตรวจสอบและจับกุม ซึ่งส่วนมากจะพบการลักลอบนำของป่าและสัตว์ป่ามาทางเรือ เมื่อค้นเจอก็จะประสานงานกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการต่อไป

 

ส่วนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะตรวจพบส่วนมากในเวลากลางคืน ซึ่งมักจะมาจากทางฝั่งพญาตองซู โดยทยอยมากันทีละน้อย ก่อนลงเรือ และล่องมาทางแม่น้ำซองกาเลีย โดยมีจุดหมายอยู่ที่บริเวณท่าแพ จะมีรถมารอรับ เพราะถ้าลักลอบมาทางถนน จะเจอด่านตรวจจำนวนมาก ทั้งนี้ หากมีเรือที่เล็ดลอดการตรวจของจุดนี้ไป ก็จะแจ้งให้ทางท่าแพตั้งจุดตรวจสกัดจับได้ ซึ่งเมื่อจับกุมได้ จะประสานตำรวจต่อไป

 

สำหรับการปฏิบัติการทางน้ำของจุดตรวจบ้านวังกะ มีเจ้าหน้าที่เพียง 5 นาย แม้จะเพียงพอในปฏิบัติงาน แต่ถ้าได้รับการสนับสนุนกำลังคนเพิ่ม ก็จะมีความคล่องตัวมากขึ้น เพราะจุดนี้สำคัญมีเรือผ่านไปมาจำนวนมาก เฉพาะในเดือนที่ผ่านมา คาดว่ามีเรือผ่านคืนละ 5 ลำ รวมเฉลี่ยต่อเดือน ถึง 150 ลำ

 

“เมื่อมีนโยบายซีลชายแดน 2 ชั้น ก็ต้องทำงานเข้มข้นขึ้นมากขึ้น การเข้าออกของเรือทุกลำต้องตรวจอย่างละเอียด และติดตั้งกล้องเพื่อบันทึกภาพ เนื่องจากการลักลอบต่างๆ  จะเกิดขึ้นในเวลากลางคืน ทำให้มีความต้องการกล้องส่องตอนกลางคืน พร้อมเผยว่า เรือเราสู้เขาไม่ได้ ไล่เขาไม่ทัน เพราะเขาแต่งเครื่องยนต์มาเป็นหลักแสน เรือเราจึงไล่ไม่ทัน”

 

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีปัญหาการปฏิบัติงานอะไรบ้าง จ่าสิบเอก ทวีป เล่าว่า เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีการยิงปะทะเกิดขึ้น โดยเรือของกลุ่มผู้ลักลอบขนสิ่งผิดกฎหมาย 3 ลำ ใช้ปืนประดิษฐ์ยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงยิงโต้ตอบ และจับกุมได้จำนวน 16 คน ซึ่งเมื่อเกิดการปะทะแบบนี้ อาจต้องประสานขอกำลังเสริมเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการ

 

นอกจากนี้ อยากได้การสนับสนุนซ่อมแซมแพให้แข็งแรง เพราะเวลามีพายุ คลื่นลมแรง ความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ลำบาก ในขณะที่ผู้หลบหนีเข้าเมืองยังสามารถ แล่นฝ่าขึ้นลมแรงได้