svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"หลุยส์ เอ็นริเก้" กับกลยุทธ์ที่พา "เปแอสเช" ลุ้น 4 แชมป์

01 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากทีมที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์แต่ต่างคนต่างเล่น กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของโลก และกำลังมีลุ้น 4 แชมป์ในเวลานี้ "หลุยส์ เอ็นริเก้" ใช้วิธีไหนถึงเปลี่ยน "เปแอสเช" ไปได้?

ฤดูกาล 2023-24 "เปแอสเช" ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมมหาเศรษฐีแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส กลายเป็นทีมที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นทีมเดียวจาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรปที่ยังมีลุ้นคว้า 4 แชมป์อยู่ในเวลานี้

โดยก่อนหน้านี้ เปแอสเช เพิ่งการันตีการคว้าแชมป์ ลีกเอิง มาได้ หลังคู่แข่งอย่าง โมนาโก พลาดท่าพ่าย โอลิมปิก ลียง 2-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ตามหลัง เปแอสเช ถึง 12 แต้ม ขณะที่เหลือการแข่งขันเพียง 3 แมตช์ ไม่มีทางเก็บคะแนนไล่ทันแล้ว และนั่นทำให้ ทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ คว้าแชมป์ลีกเอิงเป็นสมัยที่ 12 รวมถึงเป็นแชมป์ที่ 2 ของปีนี้ ต่อจากถ้วย เฟรนช์ ซูเปอร์คัพ ที่ได้มาตั้งแต่เดือน ม.ค. 

นอกจากนี้ พวกเขายังผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอล เฟรนช์ คัพ ได้แล้วด้วย โดยจะเจอกับ ลียง ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ส่วนถ้วยใบสุดท้ายที่มีลุ้นก็คือในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่มีคิวเจอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในรอบรองชนะเลิศนัดแรก คืนนี้

พวกเขากลับมาร้อนแรงขนาดนี้ได้อย่างไร?

\"หลุยส์ เอ็นริเก้\" กับกลยุทธ์ที่พา \"เปแอสเช\" ลุ้น 4 แชมป์

  • ภารกิจกู้ศรัทธา

ชื่อของ "หลุยส์ เอ็นริเก้" ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกุนซือระดับหัวแถวของโลก ตั้งแต่สมัยที่พา บาร์เซโลน่า กวาดความสำเร็จถึง 9 แชมป์ระหว่างปี 2014-2017 ซึ่งรวมถึงถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วย

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเขาต้องมัวหมองจากผลงานการคุมทีมชาติสเปน เมื่อเจ้าตัวพา "กระทิงดุ" เก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียวจาก 4 เกมในฟุตบอลโลกปี 2022 และตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของทีมรองบ่อนอย่าง โมร็อกโก จนหลายคนสบประมาทว่า ที่เจ้าตัวเคยกวาดแชมป์เป็นว่าเล่นสมัยคุม บาร์ซ่า ก็เพราะทีมมี ลิโอเนล เมสซี่ อยู่เท่านั้นเอง

ในขณะเดียวกัน เปแอสเช ก็กำลังมุ่งมั่นที่จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าการทุ่มเงินดึงตัวซูเปอร์สตาร์ระดับโลกเข้ามาอยู่ในทีมแต่เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้ทีมไปถึงฝั่งฝันในถ้วยยุโรปได้

โดย เปแอสเช ที่นำทัพโดย เนย์มาร์, ลิโอเนล เมสซี่ และ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แม้จะคว้าแชมป์ลีกเอิงได้ในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่กลับพลาดท่าตกรอบอย่างรวดเร็วในฟุตบอลถ้วย ทั้งศึกในประเทศอย่าง เฟรนช์ คัพ และศึกใหญ่อย่างยูซีแอล ภายใต้การคุมทัพของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และ คริสตอฟ กัลติเย่ร์

และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้ง หลุยส์ เอ็นริเก้ และ เปแอสเช โคจรมาร่วมงานกัน

\"หลุยส์ เอ็นริเก้\" กับกลยุทธ์ที่พา \"เปแอสเช\" ลุ้น 4 แชมป์

  • ปรับแท็กติกเพื่อลบภาพ "ทีมที่มีแต่เงิน"

หลายปีที่ผ่านมา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถูกวิจารณ์อยู่เสมอในประเด็นที่มีแต่ซูเปอร์สตาร์ล้นทีม แต่กลับไม่สามารถประสานงานกันได้ ต่างคนต่างเล่น ต่างคนต่างโชว์ จนไม่สามารถประสบความสำเร็จอย่างที่ควร

มาในปีนี้ เปแอสเช จัดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงปิดฤดูกาล ซูเปอร์สตาร์ของทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์, เซร์คิโอ รามอส, เมาโร อิคาร์ดี้, มาร์โก แวร์รัตติ และอีกนับสิบราย ถูกปล่อยตัวออกจากทีม ขณะเดียวกันก็เสริมทัพด้วยนักเตะดาวรุ่งอายุน้อยอย่าง มานูเอล อูการ์เต้ (สปอร์ติ้ง ลิสบอน), กอนซาโล่ รามอส (เบนฟิก้า), แบรดลี่ย์ บาร์กโกล่า (ลียง) แถมยังได้ อุสมาน เดมเบเล่ มาจาก บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวแค่ 50 ล้านยูโร

หลุยส์ เอ็นริเก้ ค่อยๆทำให้นักเตะกลับมาเล่นเป็นทีมได้อีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ใช้แท็กติกที่สามารถยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ จัดการโรเตชั่นอย่างเหมาะสมเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลงโชว์ฝีเท้า และนั่นก็ทำให้บรรยากาศในทีมดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับแต่ก่อน

เอ็นริเก้ ยังจัดการปรับเปลี่ยนนักเตะหลายคนให้ทำผลงานได้ดีขึ้น เช่น มานูเอล อูการ์เต้ ที่เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการเป็นกองกลางตัวสำรองของทีม แต่เอ็นริเก้สังเกตเห็นว่า วิตินญ่า เล่นบอลจากแดนหลังได้ดีกว่า อูการ์เต้ ซึ่งเป็นกองกลางตัวรับธรรมชาติ ดังนั้น เอ็นริเก้ จึงเปลี่ยนจากการใช้ วิตินญ่า ที่ปกติเล่นแบบบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ มาเป็นเพลย์เมคเกอร์แนวลึก (Deep Lying Playmaker) หน้าแนวรับ และวิสัยทัศน์และทักษะการจ่ายบอลของ วิตินญ่า ก็ช่วยให้เปแอสเชคุมเกมกลางสนามได้ดีขึ้น

ในทำนองเดียวกัน เอ็นริเก้ ยังโชว์ความสามารถในการปรับแท็กติกไปตามสถานการณ์อย่างรวดเร็วได้ด้วย เช่นการสังเกตเห็นว่า ลูคัส เบรัลโด้ ประสบปัญหาในการรับมือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ในเลกแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกกับบาร์เซโลนา ทำให้เลกที่สอง เขาจึงปรับเปลี่ยนมาใช้งาน มาร์ควินญอส และ ลูกัส แอร์กน็องเดซ ที่มีประสบการณ์มากกว่าจัดการกับ "เลวาน" แทน ผลคือ เปแอสเชบุกชนะ 4-1 พลิกสถานการณ์จากการแพ้ในบ้าน 2-3 ในเลกแรกและผ่านเข้ารอบได้ในที่สุด

\"หลุยส์ เอ็นริเก้\" กับกลยุทธ์ที่พา \"เปแอสเช\" ลุ้น 4 แชมป์

เมื่อดูภาพรวมทั้งฤดูกาล เปแอสเช เล่นโดยใช้ทั้งแบ็กโฟร์และแบ็กทรี ส่วนเกมรุกก็มีการปรับเปลี่ยน ใช้ทั้งกองหน้าคนเดียวแบบ 4-2-3-1 กองหน้าสามคนในระบบ 4-3-3 รวมถึงกองหน้าคู่ในบางเกมด้วย

มาร์ควินญอส, ลูกัส แอร์กน็องเดซ และ ลูคัส เบรัลโด้ ถูกใช้เป็นทั้งเซ็นเตอร์แบ็กและฟูลแบ็กในฤดูกาลนี้, คาร์ลอส โซแลร์ และ วาร์เรน ซาอีร์-เอเมรี เป็นกองกลาง แต่บางเกมต้องลงเล่นในตำแหน่งแบ็กขวา, อี คังอิน เล่นทั้งปีกและกองกลาง เช่นเดียวกับ อุสมาน เดมเบเล่ ปีกทีมชาติฝรั่งเศส ที่บางเกมก็ถูกปรับมาเล่นในตำแหน่งหมายเลข 10

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ช่วยให้เอ็นริเก้หมุนเวียนทีม ทำการทดลองด้านแท็กติก และสร้างปัญหาให้กับคู่ต่อสู้อย่างมากเพราะไม่สามารถจับทางได้เลยว่าพวกเขาจะเล่นแบบใด

หลุยส์ เอ็นริเก้ ยังจัดการกับสถานการณ์ที่กำลังจะเสียซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ของทีมอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (กำลังจะหมดสัญญาหลังจบซีซั่นนี้) อย่างได้ผล มีการจับเป็นตัวสำรองเป็นระยะเพื่อทดลองแท็กติกที่เตรียมจะใช้ในฤดูกาลหน้า แต่ขณะเดียวกันก็ยังเปิดโอกาสให้ เอ็มบัปเป้ ฉายแสงอย่างเต็มที่ในยามที่ได้ลงสนาม โดยปัจจุบัน ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ซัดไปแล้ว 26 ประตู นำโด่งเป็นดาวซัลโวลีกเอิง นำหน้า โจนาธาน ดาวิด ดาวยิงของ ลีลล์ ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 9 ลูก

และทั้งหมดที่กล่าวมา จึงทำให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ดูเป็น "ทีม" มากกว่ายุคไหนๆ นับตั้งแต่ได้กลุ่มทุนกาตาร์มาเป็นเจ้าของ

logoline