ปรีดี พนมยงค์ เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2443 ที่บ้านหน้าวัดพนมยงค์ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายเสียง กับนางลูกจันทน์ พนมยงค์ สมรสกับ "พูนศุข ณ ป้อมเพชร์" มีบุตร-ธิดา 6 คน
ด้านการศึกษา ปรีดี เริ่มเข้าเรียนที่บ้านครูแสง ตำบลท่าวาสุกรี และสำเร็จการศึกษาในระดับประถมที่โรงเรียนวัดศาลาปูน อำเภอกรุงเก่า จากนั้นไปศึกษาชั้นมัธยมเตรียมที่โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร แล้วย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลกรุงเก่า (ปัจจุบันคือ โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย) จนสอบไล่ได้ชั้นมัธยม 6 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดสำหรับหัวเมือง แล้วไปศึกษาต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ปี 2460 เข้าศึกษาที่โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม และศึกษาภาษาฝรั่งเศสที่เนติบัณฑิตยสภา โดยอาจารย์เลเดแกร์ (E.LADEKER) ที่ปรึกษาศาลต่างประเทศเป็นผู้สอน
ปี 2462 สอบไล่วิชากฎหมายชันเนติบัณฑิตได้ แต่ตามข้อบังคับสมัยนั้นยังเป็นเนติบัณฑิตไม่ได้เพราะมีอายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ต้องรอจนถึงมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในปี 2463 จึงได้เป็นสมาชิกสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภา
ปี 2466 - 2467 ร่วมกับนักเรียนไทยในฝรั่งเศสกับสวิสเซอร์แลนด์และนักเรียนไทยในประเทศอื่นส่วนที่ขึ้นต่อสถานทูตสยามกรุงปารีส ตั้งเป็นสมาคมอันหนึ่งอันเดียวกันเรียกชื่อว่า "สามัคยานุเคราะห์สมาคม" อักษรย่อ "ส.ย.า.ม." เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า "Association Siamoise d'intellectualite et d' Assistance Mutuelle" อักษรย่อ "S.I.A.M."
เข้าร่วม "คณะราษฎร" เปลี่ยนแปลงการปกครอง
ระหว่างศึกษาอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ปรีดี เริ่มตกลงความคิดในการเปลี่ยนแปลงการปกครองกับ ร้อยโท ประยูร ภมรมนตรี ในเดือนสิงหาคม 2467 และร่วมกับผู้คิดเห็นตรงกันอีก 5 คน
ประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกเพื่อก่อตั้ง "คณะราษฎร" เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2469 ณ เลขที่ 5 ถนนซอเมอราร์ กรุงปารีส โดยมีปณิธานให้สยามบรรลุเป้าหมาย 6 ประการ ซึ่งต่อมาเรียก "หลัก 6 ประการของคณะราษฎร" ปรีดี ได้รับมอบหมายให้ร่างนโยบายและโครงการต่าง ๆ เพื่อใช้หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง
24 มิถุนายน 2475 ปรีดี เป็นแกนนำคณะราษฎรสายพลเรือน ผู้ร่วมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
บทบาทชีวิตทางการเมือง
ปี 2475 ได้รับแต่งตั้งจากผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
ปี 2476 ได้ตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของพระยาพหลพลพยุหเสนา
ปี 2484 ขณะเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ปี 2489 เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ของไทย เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2489 ต่อมาปรีดี ได้ลาออกจากนายกฯ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2489 เพื่อให้รัฐสภาตามรัฐธรรมนูญใหม่เลือกนายกรัฐมนตรี แต่ที่สุดก็ได้มีพระบรมราชโองการตั้งเขากลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งในวันที่ 8 มิถุนายน 2489 เป็นสมัยที่ 2 แต่ก็มีเหตุร้ายขึ้นเมื่อ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล หรือรัชกาลที่ 8 สวรรคต
เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้ปรีดี ลาออกจากนายกฯ แต่ภายในวันนั้นเอง รัฐสภาก็ได้มีมติสนับสนุนให้ปรีดี กลับมาเป็นนายกฯ โดยได้รับการแต่งตั้งในวันที่ 11 มิถุนายน 2489 ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 แต่ในวันที่ 21 สิงหาคม 2489 เขาได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
เก้าอี้นายกฯ 3 สมัย จึงแปลว่า 3 ครั้งในปีเดียวกัน คือปี 2489 หรือถ้าจะนับระยะเวลาจริงๆ คือราว 5 เดือนเท่านั้น
ลี้ภัยถึงวันสุดท้ายของชีวิต
หลังลาออกจากนายกรัฐมนตรี ปรีดี ยังคงได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยชุดใหม่ ภายใต้การนำของ "หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์" ทำภารกิจต่างๆ ที่สำคัญ
กระทั่งวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 เวลา 23.30 น. คณะรัฐประหารนำโดยพลโทผิน ชุณหะวัณ ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน ทำให้ปรีดี ต้องใช้ชีวิตลี้ภัยในต่างประเทศเป็นระยะเวลายาวนาน โดยพำนักอยู่ในจีนเป็นเวลา 21 ปี และฝรั่งเศส 13 ปี
ก่อนที่ปรีดีจะถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 2 พฤษภาคม 2526 ช่วงก่อนเที่ยง ณ บ้านอองโตนี ชานกรุงปารีส
ผลงานสำคัญ
ปรีดี ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยในประเทศ ติดต่อประสานงานกับขบวนการเสรีไทยในประเทศ ติดต่อประสานงานกับขบวนการเสรีไทยภายนอกประเทศ ภายใต้การนำของหม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษอาวุโส และร่วมกับรัฐบาลหม่อม ราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช
นอกจากนี้ปรีดี ยังเป็นผู้ดำเนินการประกาศว่า การที่รัฐบาลไทยประกาศสงครามกับอเมริกาและอังกฤษเป็นโมฆะ พร้อมทั้งหาทางผ่อนคลายสัญญาสมบูรณ์แบบที่ผูกมัดไทย เนื่องจากผลของการแพ้สงคราม
ไทม์ไลน์ชีวิต "ปรีดี พนมยงค์"
ข้อมูลอ้างอิง : วิกิพีเดีย, สถาบันปรีดี พนมยงค์, รัฐบาลไทย