กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (21 เมษายน) ว่า มีแผนปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรสำหรับแผงโซลาเซลล์ที่นำเข้าจากกัมพูชา, ประเทศไทย, มาเลเซีย และเวียดนาม หลังจากดำเนินการสอบสวนการทุ่มตลาดมานาน 1 ปี ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า ผู้ผลิตจีนยักษ์ใหญ่ที่ผลิตสินค้าในประเทศเหล่านี้ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนอย่างไม่เป็นธรรมที่สร้างความเสียเปรียบแก่ผู้ผลิตสหรัฐฯ และส่งออกสินค้าราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิตไปยังตลาดสหรัฐฯ
ขณะที่คณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ มีกำหนดตัดสินใจขั้นสุดท้ายเรื่องอัตราภาษีใหม่ในเดือนมิถุนายน
สื่อรายงานว่า อัตราภาษีมีระดับแตกต่างกันตามแต่ผู้ผลิตและประเทศที่ผลิต สินค้าของกัมพูชาจะต้องเสียภาษีศุลกากรอัตราสูงสุดที่ 3,521% หลังหยุดให้ความร่วมมือกับการสอบสวนของกระทรวงพาณิชย์ ส่วนสินค้าจากเวียดนามเสียภาษีอัตราสูงสุดที่ 395.9% ไทยเจอภาษีอัตรา 375.2% และมาเลเซีย 34.4% สินค้าของจินโก โซลาร์ ผู้ผลิตจีน ที่ผลิตในมาเลเซียจะเสียภาษี 41% ขณะที่สินค้ของบริษัททรินา โซลาร์ของจีน ที่ผลิตในไทย เสียภาษี 375% ภาษีใหม่นี้จะทบเพิ่มจากภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งประกาศบังคับใช้กับทั่วโลก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทจีนหลายแห่งย้ายฐานการผลิตไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก
และหากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับ 4 ชาติเหล่านี้จริง อาจส่งผลดีต่อผู้ผลิตของสหรัฐฯ แต่อาจทำให้ธุรกิจและผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ซื้อโซลาร์เซลล์ราคาถูกกว่าจากชาติอาเซียน อาจต้องซื้อสินค้าในราคาแพงขึ้น
ในปี 2567 สหรัฐฯ นำเข้าอุปกรณ์โซลาเซลล์จาก 4 ชาติอาเซียนรวมมูลค่าราว 12,9000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 77% ของการนำเข้าทั้งหมด