svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

สรุปคดีแก๊งอดีต ตร. อุ้มรีดทรัพย์คนจีน 2.5 ล้าน คดีนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

03 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สรุปคดีอดีตตำรวจร่วมกับพวกที่ยังเป็นตำรวจ อุ้มรีดทรัพย์กลุ่มนักธุรกิจจีน 2.5 ล้าน คดีนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง จับได้แล้วทางต้นสังกัดว่าอย่างไรบ้าง

เป็นข่าวใหญ่ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และการลงทุนของชาวต่างชาติ กรณี คดีคนร้ายร่วมกันอุ้มนักธุรกิจชาวจีน 5 ราย จากโรงแรมในซอยประชาสงเคราะห์ 2 ไปรีดเงิน 2.5 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 25 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้เสียหายจะเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 67 

โดยภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจได้สอบสวนผู้เสียหายบางส่วน ก่อนจะมีการออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุ กระทั่งวันนี้ (3 พ.ค. 67) ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล และ สน.ดินแดง สามารถจับกุม นายอรรถวุฒิ (สงวนนามสกุล) หรือ นายบอส "อดีตตำรวจ" ยศ ด.ต. ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.คันนายาว ที่ถูกออกจากราชการเมื่อปี 2566 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ โดยเจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธเสียงแข็ง

สำหรับคดีอุ้มกลุ่มชาวจีนไปรีดเงิน ที่มีอดีตตำรวจนิ้วร้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมอยู่ด้วยในครั้งนี้ คดีมีความเป็นมาเป็นไปอย่าง Nation STORY ได้มีการรวบรวมไทม์ไลน์ รวมถึงความคืบหน้าทางคดีมาให้ได้ติดตามกัน....
ตำรวจจับกุมนายบอส อดีตตำรวจหัวหน้าแก๊งอุ้มรีดเงินชาวจีน  
 

ความเป็นของคดีนี้ ได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมกับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจนครบาล ได้เดินทางเข้ามาประชุมพร้อมกับคณะทำงานที่ สน.ดินแดง เพื่อติดตามคดี
รอง ผบช.น. และ ผบก.สส.บช.น. ร่วมประชุมติดตามคดีอุ้มรีดเงินชาวจีน

คดีนี้เริ่มจากกลุ่มชาวจีนผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยในวันที่ 19 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา จากนั้นในวันที่ 25 เม.ย. 67 กลุ่มผู้เสียหาย ก็ได้มารวมตัวกันที่โรงแรมที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นห้องของหนึ่งในผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายทั้ง 5 คน ได้มาพูดคุยกัน เพื่อจะหาทางแลกเงินสด เอาไว้ใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่ประเทศไทย

จึงได้ติดต่อสาวชาวลาวรายหนึ่ง ซึ่งมีเครื่องรูดบัตรเงินดิจิทัล แต่พอสาวชาวลาวรายนี้ มาที่ห้องของผู้เสียหายได้เพียงแค่ 8 นาที กับกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ได้เดินทางเข้ามาที่โรงแรม โดยได้เข้ามาที่เคาน์เตอร์ชั้น 1 จำนวน 3 คน ทำทีเหมือนเป็นลูกค้าจะมาเปิดห้อง ก่อนที่จะเข้าไปในห้องของผู้เสียหาย แล้วแสดงตัวเป็นตำรวจบอกว่า ผู้เสียหายได้มีการกระทำความผิดมา
โรงแรมที่เกิดเหตุ
 

จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุ ได้พาผู้เสียหายลงมาจากโรงแรม แล้วขึ้นไปบนรถเก๋งที่จอดไว้ด้านหน้า ตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด ก่อนจะพาตระเวนขับไปบนถนนวิภาวดีรังสิต ไปจอดที่ด้านหน้าสนามฟุตบอลบุญยะจินดา มีการขู่เพื่อขอเงินจำนวน 5 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายไม่ยอมให้ และไม่เชื่อว่าเป็นตำรวจจริง จึงได้มีการขอดูบัตรตำรวจอีกครั้ง แต่ผู้ก่อเหตุได้โชว์บัตรเพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะดึงกลับ พร้อมกับพาขับรถไปต่อที่หน้าแฟลตตำรวจควบคุมฝูงชน แล้วมีการนำขึ้นไปบนแฟลตตำรวจ เพื่อหยิบกุญแจมือมาสวมใส่ให้กับผู้เสียหาย

แต่อย่างไรก็ตาม ทางผู้เสียหายก็ยังไม่เชื่อสนิทใจว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง จนสุดท้ายกลุ่มผู้ก่อเหตุพาขับรถไปหาดาบบอส ซึ่งเป็นสนามยิงปืนที่อยู่ใกล้กับแฟลตตำรวจ จากนั้นดาบบอส ก็ได้มีการแสดงตัว และให้ดูบัตรตำรวจ จนผู้เสียหายเชื่อว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง 

จากนั้นก็ได้มีการต่อรองเรื่องเงินเรียกค่าไถ่จาก 5 ล้านบาท เหลือเพียง 3 ล้านบาท ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการติดต่อเพื่อนชาวจีน ที่อยู่ประเทศกัมพูชา ให้โอนเงินดิจิทัลมาให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุจำนวน 2.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นในคืนวันที่ 25 เม.ย. 67
รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุอุ้มรีดเงินชาวจีน  

จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายก็ได้มีการปรึกษากับเพื่อนชาวไทย ก่อนจะเดินทางเข้ามาแจ้งความในวันที่ 29 เม.ย. 67 หลังจากนั้นชุดสืบสวนจึงได้ติดตามตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนพบว่า มีการกระทำความผิดความจริง โดยมีหนึ่งในผู้เสียหายเดินทางเข้ามาให้ปากคำในวันที่ 1 พ.ค. 67 ที่่ผ่านมา ส่วนอีก 4 คนได้เดินทางกลับประเทศจีนไปแล้ว

หลังสอบปากคำผู้เสียหายเรียบร้อย ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน โดยพบว่าเบื้องต้นภาพในวงจรปิดคาดว่า มีผู้ก่อเหตุร่วมกันประมาณ 11 คน ใช้รถยนต์ในการก่อเหตุจำนวน 4 คน จึงได้มีการดำเนินการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย มีดาบบอส ที่ถูกจับได้แล้วที่หัวหน้าคณะทำงาน โดยเจ้าตัวให้การภาคเสธว่า เป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพวงจรปิดจริง แต่ไม่ได้ร่วมกันกระทำความผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ
นายบอส หัวหน้าแก๊งอุ้มรีดเงินชาวจีน

ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 2 รายคือ สิบตำรวจเอกภูวเดช เด็กหลี ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า 191 และจ่าสิบตำรวจวีรยุทธ เพชรรัตน์ สังกัดงานจราจร สน.พญาไท ตอนนี้สามารถจับกุมสิบตำรวจเอกภูวเดชได้แล้ว โดยเจ้าตัวอยู่ระหว่างการถูกนำตัวมาสอบปากคำ

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางตำรวจเชื่อว่า น่าจะมีคนชี้เป้า หรือทำหน้าที่เป็นนกต่อ ให้ข้อมูลกับผู้ต้องหา เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาที หลังจากที่สาวชาวลาว ขึ้นไปบนห้องของผู้เสียหาย แล้วเข้าไปก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง 

ในส่วนของผู้เสียหายที่ถูกนำตัวขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีเพียง 4 รายเท่านั้น อีก 1 คน ถูกพาขึ้นไปบนรถด้วย จึงได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้เสียหายรายนี้ที่ไม่ได้ถูกพาไปรีดเงิน อาจจะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการรีดทรัพย์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ

ทั้งนี้ในส่วนของ นายบอส เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาที่ปรากฏตามหมายจับฐาน "ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย"

ส่วนตำรวจที่ถูกออกหมายจับ โดยมีสองคนที่ยังอยู่ในราชการ เบื้องต้นทางกองบังคับการตำรวจนครบาล ได้ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนผู้บังคับบัญชาของตำรวจที่กระทำความผิด จะต้องมีการพิจารณาความผิดทางวินัยต่อไป
สรุปคดีแก๊งอดีต ตร. อุ้มรีดทรัพย์คนจีน 2.5 ล้าน คดีนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
 

logoline