หน่วยคอมมานโดหลายสิบนายบุกเข้าไปที่หมู่บ้านห่างไกลของเมือง มามาซาปาโนจังหวัดมากินดาเนา ทางภาคใต้ของประเทศเมื่อเช้ามืดวันอาทิตย์ เพื่อหาตัวผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายคนสำคัญ 2 คน แต่กลับเผชิญหน้ากับสมาชิกของแนวร่วมปลดปล่อยมุสลิมโมโร หรือ MILF โดยบังเอิญเมื่อเวลาราว 3.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น และยิงต่อสู้กันนานถึง 11 ชั่วโมง ทำให้มีตำรวจเสียชีวิตอย่างน้อย 49 คนและผู้บาดเจ็บอีก 11 คน และมีประชาชนอีก 2-3 พันคนหนีออกจากบ้านเรือนเพื่อความปลอดภัย
การสู้รบครั้งนี้เกิดขึ้น ขณะหน่วยคอมมานโดปฏิบัติการตามล่าตัว นายซัลคิฟลี่ บิน ฮีร์ ผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายชาวมาเลเซีย ที่รู้จักกันในชื่อ มาร์วัน ทางการสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์เชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดหลายครั้งในพื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ และเชื่อว่าหนีไปซ่อนตัวอยู่ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ตั้งแต่ปี 2546 นอกจากนี้อีกคนที่หน่วยตำรวจต้องการตัว คือ บาซิต อุสมาน ผู้บัญชาการกลุ่มกบฎอีกกลุ่มที่แยกตัวจาก MILF
MILF ระบุว่า การปะทะนองเลือดครั้งนี้เกิดจากการขาดการประสานงานกันระหว่างตำรวจและหน่วยราชการ โดยตำรวจไม่ได้ประสานงานมาก่อนใช้ปฏิบัติการจับกุมในพื้นที่ ขณะที่หลายฝ่ายวิตกว่าเหตุปะทะนองเลือดครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการสันติภาพระหว่างรัฐบาลและ MILF
ล่าสุดคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่นของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์ ตัดสินใจระงับการพิจารณาร่างกฎหมายการจัดตั้งเขตปกครองตนเองบังซาโมโร ที่เป็นแนวทางยุติความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและกบฏ MILF
กลุ่ม MILF ซึ่งมีสมาชิก 11,000 คน ลงนามข้อตกลงสันติภาพกับรัฐบาลเมื่อเดือน มี.ค.ปีที่แล้ว ส่งผลให้ความขัดแย้งนาน 45 ปีที่คร่าชีวิตผู้คนกว่า 120,000 คนและมีผู้อพยพทิ้งบ้านเรือนอีก 2 ล้านคนสิ้นสุดลง โดยมีทีมสังเกตการณ์การสงบศึกของต่างชาติภายใต้การนำของมาเลเซีย เข้าไปกำกับดูแล แต่กลุ่มนักรบเสรีภาพอิสลามิคบังซาโมโร หรือ BIFF ซึ่งแยกตัวจาก MILF ต่อต้านข้อตกลงนี้