จากการสอบถาม นายนิรันดร แสนทวีสุข อายุ 46 ปี ชาวอุบลราชธานี ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนซื้อทัวร์ดังกล่าว เนื่องจากมีคนรู้จักแนะนำว่า บริษัทขายอาหารเสริมแห่งนี้ มีทัวร์ไปญี่ปุ่นในราคาถูก ตนจึงซื้อตั๋วพร้อมครอบครัวรวม 9 คนในราคาคนละ 9,800 บาท เป็นเงิน 88,200 บาท โดยนัดเจอกันตอน 20.00 น. ที่ประตู 1 ชั้น 4 บริเวณเค้าท์เตอร์ของการบินไทย ซึ่งตนก็แปลกใจแต่เมื่อถามไปยังแม่ทีมที่ตนซื้อตั๋วผ่านก็บอกว่า ทางบริษัทได้เช่าเหมาลำของการบินไทยไปแทน แต่เมื่อถึงเวลานัดก็ไม่มีใครนำตั๋วเครื่องบินมาให้ ซึ่งในขณะนั้นยังมีผู้ร่วมชะตากรรมถูกหลอกแบบเดียวกันอีก กว่า1,000 คน ซึ่งตอนนี้ตนมั่นใจว่าถูกหลอกอย่างแน่นอนและเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดี ต่อ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ขณะเดียวกันนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้เดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อพร้อมเข้ารับฟังรายงานเบื้องต้นจาก พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ทท. โดยไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟังแต่อย่างใด หลังจากนั้นนางกอบกาญจน์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในวันนี้ได้มารับฟังเหตุการณ์ และสถานการณ์ในตอนนี้ก็มั่นใจว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนของบริษัทขายตรงบริษัทหนึ่งซึ่งการรับสมัครและเก็บค่าสมาชิกที่ 9,730 บาท และบอกว่าให้ไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นได้ โดยบอกว่าในวันนี้จะมีชาเตอร์ไฟร์ 6 ลำ มารับไป ซึ่งเราเช็คกับทางสนามบินสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้วไม่ชาเตอร์ไฟร์ทั้ง 6 ลำ แน่นอน สมาชิกบ้างท่านก็รับทราบก็ทยอยกลับไปบ้านแต่บางส่วนก็เชื่อว่ามันน่าจะเกิดขึ้นเพราะว่ามันเคยมีล๊อตหนึ่งเมื่อก่อนมีการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจริง แต่ก็คาดว่าจะเป็นลักษณะบริษัทขายตรง เวลาที่เขามีการหลอกลวง ในครั้งแรกก็จะมีการเกิดขึ้นจริง เพื่อทำให้มีสมาชิกใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้น แล้วก็นำเงินส่งเงินเข้ามาแล้วหารายได้แต่พอถึงสุดท้ายก็จะเป็นการทิ้งทัวร์ไปเลย ตรงนั้นสำหรับเราเอง ตำรวจกำลังดำเนินเรื่องอยู่ ถือว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นส่วนหนึ่งของสมาชิกซึ่งเราไม่มั่นใจว่ายังมีอยู่อีกบ้างหรือเปล่า บางคนบอกว่าพรุ่งนี้อาจจะมาอีกเที่ยวหนึ่ง ก็อยากอยากให้ท่านไปร้องทุกข์ในภูมิลำเนาที่ท่านอยู่ เพราะว่าไม่มีการเดินทางแน่นอนนางกอบกาญจน์ กล่าวอีกว่า อยากจะให้เป็นบทเรียนให้กับพี่น้องคนไทยของเราเองว่าของลักษณะอย่างนี้มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าเกิดเขาเรียกเงินท่านเก้าพันกว่าบาทแล้วบอกว่าจะพาไปประเทศญี่ปุ่นต้นทุนมันไม่ได้ แสดงว่านี้เป็นการหาเงินลักษณะหนึ่งในช่วงนี้ เพราะฉะนั้นอยากให้ประชาชนระมัดระวัง ก็อยากย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าอยากจะให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ ว่าอันนี้เป็นการหลอกลวง และขอให้ไปแจ้งความในสถานที่บ้านเกิดของท่านแล้วก็ไม่ต้องเดินทางมาที่นี้ ดังนั้นจึงอยากขอให้ประชาชนที่ซื้อทัวร์ไปญี่ปุ่นกับบริษัทขายตรงบริษัท เดินทางเข้าแจ้งความที่ สถานีตำรวจในพื้นที่ที่ท่านอาศัยอยู่ ส่วนที่กรุงเทพฯให้แจ้งความที่กองปราบปราม
พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภจ.สมุทรปราการ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ระดมกำลังพนักงานสอบสวนกว่า 50 นาย มาช่วยทำคดีนี้โดยคัดแยกผู้เสียหายแต่ละจังหวัด ที่ทราบก็มีทางเชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี ที่เป็นจังหวัดหลัก ๆ เพื่อให้พนักงานสอบสวนลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งในคดีนี้ต้องรวมคดีก่อนจะส่งเรื่องไปที่กองปราบปราม โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะทำการสอบถามชื่อและซักประวัติที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ และวางกำหนดกรอบว่าผู้เสียหายถูกหลอกลวงในพื้นที่ ที่ไหน ถ้าเรารับผิดชอบจังหวัดที่เกิดเหตุจริง ๆ นั้นมันก็จะยุ่งยากก็ให้นำไปรวมที่เดียวที่กองปราบปราม โดยได้มีการประสานทางกองปราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆที่ยังไม่ได้เดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ สามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ สน.ในพื้นที่ รวมทั้งในต่างจังหวัดก็สามารถไปแจ้งความร้องทุกข์ได้โรงพักในพื้นที่ที่ท่านอาศัยอยู่ เช่นกัน หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมสำนวนคดีทั้งหมดมาที่กองปราบปรามดำเนินการต่อในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 10.00 น. ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อเจ้าของที่แท้จริงได้ โดยวิธีการเช่นนี้ เปรียบเสมือนแชร์ลูกโซ่เนื่องจากการสอบปากคำหญิง 2 รายที่ถูกผู้เสียหายชี้ตัวว่าเป็นแม่ทีมในการโอนเงินเข้าไปให้ข้อมูลว่า มีการจัดโปรโมชั่น หาผู้สมัครได้ 10 คน ฟรี 1 คน ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะต้องดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาลูกทัวร์ที่ถูกหลอกต่างทยอยกันเดินทางลงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีการระดมกำลังพนักงานสอบสวนมาจากโรงพักต่าง ๆ กว่า 50 นาย มาทำการสอบสวนผู้เสียหายเพื่อความรวดเร็ว โดยทำการแยกสอบแต่ละภาคจังหวัดและมีการบันทึกปากคำในสำนวนการสอบสวนเอาไว้เพื่อรวบรวมส่งให้กองปราบปรามทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อจะได้ติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะที่ยังมีลูกทัวร์บางส่วนได้ยึดอาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิ นั่งรอนอนรอด้วยความหวังที่จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่นอีก ซึ่งในช่วงเช้าของวันนี้ที่ 12 เมษายน จะมีลูกทัวร์ในกรุ๊ปเดียวกันที่นัดขึ้นเครื่องกันในช่วงสายของวันนี้จะเดินทางมาอีกประมาณ 2 พันคน ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เดินทางไปหรือไม่ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ค่อยเดินตรวจตราดูแลทรัพย์สินให้