เชฟรอน ยอมจ่ายภาษีคลัง 5 ปี 2 พันล้าน

ผู้จัดการฝ่ายนโยบายองค์กรและรัฐสัมพันธ์ บริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) จำกัด บุญญฤทธิ์ ศรีอ่อนคง ระบุ บริษัทฯได้จ่ายภาษีจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพื่อใช้ในบริเวณอ่าวไทยย้อนหลัง 5 ปี คือปี 2555 - 2559 มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทให้กระทรวงการคลังแล้ว หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกามีคำวินิจฉัยชี้ขาดให้บริษัทฯ ให้ความร่วมมือและทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการตรวจสอบยอดภาษีที่ต้องชำระให้ถูกต้อง ตาม พระราชบัญญัติ ปิโตรเลียมฯ
สำหรับเงินภาษีดังกล่าว เป็นเงินสดที่เตรียมไว้แล้วหลังเกิดความไม่ชัดเจนของข้อกฎหมาย ซึ่งภาษีดังกล่าวรวมถึงภาษีกรมสรรพสามิต กรมสรรพากร กองทุนฯ และอื่นๆที่ต้องชำระตามกฎหมาย แต่ไม่มีการเสียค่าปรับใดๆ เพราะบริษัทฯไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการชำระภาษี แต่ในช่วงหลังปี 2555 กรมศุลกากรแนะนำว่าเป็นการส่งออกไม่ต้องเสียภาษีและกองทุนต่างๆ บริษัทฯจึงไม่ได้ชำระภาษีในช่วงปี 5 ปีดังกล่าว
ยืนยันว่าบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งในอดีตการตีความด้านกฎหมายของหน่วยงานภาครัฐแต่ละหน่วย ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ปัจจุบันมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนที่จะเข้ามาทำธุรกิจในไทย
สำหรับปัญหาภาษีอากรสำหรับการส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันไปใช้ในเขตพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียมของเชฟรอนนั้น พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 มาตรา 70 ระบุว่า การใช้น้ำมันดีเซล บนแท่นขุดเจาะไม่ได้สิทธิ์ยกเว้นภาษีเพราะถือว่าเป็น การค้าภายในประเทศ โดยเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องใช้ โครงก่อสร้าง ยานพาหนะ ส่วนประกอบ อุปกรณ์ และวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียมเข้ามาในราชอาณาจักรได้ โดยให้ได้รับยกเว้นการเสียอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร แต่ของดังกล่าวต้องเป็นของ ที่คณะกรรมการมีคำสั่งเห็นชอบว่าจำเป็นในการประกอบกิจการปิโตรเลียม