เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ก.ย.59 ร.ต.ท.สุนันท์ เพชรหนู รอง สว.(สอบสวน) สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลป่าคลอก อ.ถลาง หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีเรือสปีดโบ๊ท ซึ่งจอดลอยลำอยู่ในทะเลหน้าท่าเทียบเรือบ้านยามู หมู่ที่ 7 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ถูกเพลิงไหม้ และมีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ได้รายงานให้นายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลป่าคลอก ทราบ พร้อมเดินทางไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ พร้อมด้วย พ.ต.ท.อำนวย ไกรวุฒิอนันต์ รอง ผกก.ป.สภ.ถลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ตำรวจน้ำภูเก็ต และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต
บริเวณจุดเกิดเหตุห่างจากชายฝั่งไปประมาณ 150 เมตร เห็นเรือสปีดโบ๊ทขนาดใหญ่ มี3เครื่องยนต์ ไม่มีชื่อ ทราบภายหลังเป็นของบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ป่าคลอก กำลังถูกเพลิงเผาไหม้อย่างหนัก โดยทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไประงับเพลิงได้ และมีเสียงดังระเบิดสลับกับเปลวเพลิงที่โหมไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนของผู้บาดเจ็บเบื้องต้นทราบว่ามีจำนวน 3 ราย อาการสาหัส2ราย บาดเจ็บทั่วไป1ราย ทางหน่วยกู้ชีพฯ ได้นำส่งโรงพยาบาลถลาง และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตในรายที่สาหัส ทราบชื่อ คือ1.นายวิกรม ประมงกิจ อายุ35ปี มีบาดแผลที่ขาขวา2.นายวิสิทธิ์ ประมงกิจ อายุ29ปี กัปตันเรือบาดเจ็บสาหัส ศีรษะเปิดเห็นกะโหลก และ3.นายชูชาติ ชนะกุล อายุ32ปีมีบาดแผลที่ขาขวา โดยทั้งหมดถูกไฟลวกและไหม้ตามร่างกาย หลังผ่านไปราว 1 ชั่วโมงเรือได้ถูกเพลิงเผาไหม้จนวอดทั้งลำ และจมลงสู่ก้นทะเลในที่สุด
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เรือสปีดโบ๊ทลำดังกล่าว ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ไปประมูลมาจากการที่ ปปง.เปิดขายทอดตลาดทรัพย์สินเครือข่ายบริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เดิมชื่อ เรือ858อินทรีมารีน สามารถรับผู้โดยสารได้ประมาณ แต่ปัจจุบันทางเจ้าของใหม่ยังไม่ได้ตั้งชื่อและมาเกิดเหตุเสียก่อน โดยก่อนเกิดเหตุอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อไปรับนักท่องเที่ยว ในขณะที่กัปตันและลูกเรือกำลังตรวจสอบเรืออยู่นั้น ได้เกิดเสียงดังสนั่นคล้ายบางอย่างภายในเรือระเบิด จากนั้นเห็นมีเปลวไฟลุกไหม้และลามไปทั่วทั้งตัวเรืออย่างรวดเร็ว ในขณะที่กัปตันและลูกเรือ เมื่อเห็นว่าไม่สามารถดับไฟได้ จึงได้กระโดดหนีออกจากเรือลงทะเลจนได้รับบาดเจ็บและมีผู้ช่วยเหลือดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นค่าเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท
สอบถามนายสุชาติ บ่อม่วง พนักงานเรือซึ่งจอดลอยลำอยู่บริเวณใกล้เคียง เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังตรวจความเรียบร้อยของเรือที่ตนดูแลอยู่ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดจากเรือลำที่เกิดเหตุดังกล่าว และเห็นไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ขณะที่กัปตันและเด็กเรือได้กระโดดลงน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนที่กัปตันเรืออีกลำที่อยู่บริเวณใกล้กันได้ทำการตัดเชือกผูกเรือให้ลอยออกห่างจากเรือลำอื่น เพื่อป้องกันการลุกลาม พร้อมทั้งได้ทำการช่วยเหลือกัปตันและเด็กเรือที่กระโดดลงมาลอยคอในทะเล