ที่ศาลภาษีอากรกลาง ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 20 ก.ย.59 ศาลได้มีคำพิพากษา คดีที่กรมศุลกากร และกรมสรรพากร ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ประกอบกิจการนำเข้ารถยนต์โดยสาร เป็นจำเลย ฐานสำแดงเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์โดยสาร กรณีเมื่อเดือน ต.ค.49 - ก.ย.50 จำเลยได้นำเข้ารถยนต์โดยสารยี่ห้อ Golden Dragon รุ่นต่างๆ และอุปกรณ์จากประเทศจีน หลายครั้ง จำนวนมากกว่า 200 คัน โดยเจ้าพนักงานกรมศุลกากร ตรวจสอบพบว่า บ.เบสท์ริน กรุ๊ป ได้สำแดงเท็จ ในราคาต่ำกว่าราคาจริงเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 99 และ 27 โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับบริษัทจำเลย จ่ายภาษีพร้อมเงินเพิ่ม ให้แก่ กรมศุลกากร และกรมสรรพากร วงเงินรวมกว่า 232.331 ล้านบาท
ขณะที่ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า บ.เบสท์ริน กรุ๊ป จำเลย มีพฤติการณ์ที่จะหลีกเลี่ยงอากรขาเข้า ตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯจริง โดยสำแดงราคารถยนต์โดยสารปรับอากาศเป็นเท็จ ในราคาต่ำกว่าราคาจริง
จึงพิพากษาให้ บ.เบสท์ริน กรุ๊ป จำเลย ชำระค่าภาษีอากร พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมกว่า 230 ล้านบาท และให้จำเลยชำระเงินเพิ่มอากรขาเข้าด้วย ในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน นับแต่วันฟ้องรวมทั้งเงินเพิ่มอากรอีก 85 ล้านบาท แก่โจทก์ทั้งสองจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ บ.เบสท์ริน กรุ๊ป นั้นเป็นผู้ชนะประกวดราคาโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติหรือรถเมล์ NGV พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร จำนวน 489 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ที่ได้มีการเปิดซองประกวดราคาใหม่เมื่อวันที่ 8 ก.ค.59
อย่างไรดีสำหรับคดีที่กรมศุลกากร และกรมสรรพากรฟ้องนี้ บ.เบสท์ริน กรุ๊ป ยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้อีกตามกฎหมายภายในเวลา 30 วัน นับจากที่ศาลภาษีอากรกลาง ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เป็นบริษัทที่ชนะการประมูลรถเมล์เอ็นจีวีพร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษารถโดยสาร 489 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ขณะที่ สุระชัย เอี่ยมวชิระสกุล ผู้อำนวยการขสมก. กล่าวถึงคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางที่ พิพากษาให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ซึ่งเป็นเอกชนที่ชนะการประมูลโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ชำระค่าภาษีอากรพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มกว่า 232 ล้านบาท ว่า คำพิพากษาดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการรถเมล์เอ็นจีวี และโครงการจะยังดำเนินต่อไปตามปกติ เพราะคำพิพากษาของศาลภาษีที่มีออกมาไม่เกี่ยวกับโครงการรถเมล์เอ็นจีวี เพราะเป็นเรื่องของหน่วยงานรัฐอย่างกรมสรรพากรและกรมศุลกากรที่ฟ้องดำเนินคดีดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับขสมก.แต่อย่างใด นอกจากนี้คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดเพราะบริษัทเบสท์รินยังสามารถยื่นอุทธรณ์สู้ในชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาได้ตามกระบวนการยุติธรรม จึงไม่อยากให้นำเรื่องโครงการรถเมล์เอ็นจีวีกับคำพิพากษาดังกล่าวมาเกี่ยวโยงกัน เพราะเป็นคนละส่วนกัน