svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สองตายาย "คดีเก็บเห็ด" พาพยานปากสำคัญเข้ากองปราบ มอบหลักฐานเพิ่ม แสดงความบริสุทธิ์ใจ

จากกรณีที่นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย นายอุดม ศิริสอน อายุ 53 ปี และ นางแดง ศิริสอน สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่73หมู่4ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จำเลยในคดีบุกรุกแผ้วถางป่าไม้ ยึดถือ ครอบครอง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลังเข้าไปเก็บเห็ดในเขตป่าสงวนแห่งชาติ บ้านหนองกุงไทย หมู่ 6 ต.โนนสะอาด อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานหลังถูกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวข่มขู่คุกขาม เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมาตามที่ได้เคยนำเสนอเป็นข่าวไปแล้วนั้น

คืบหน้าล่าสุดที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 มี.ค. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย นายอุดม ศิริสอน นางแดง ศิริสอน สองสามีภรรยาที่ตกเป็นจำเลยคดีดังกล่าวและ นายสมชาด มัทธุจัด ข้าราชการ อดีตผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการระดับ7เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผกก.สอบสวนกก.1บก.ป เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมมอบหลักฐานเอกสารเรื่อง ตัดไม้หวงห้าม 72ไร่ หรือ 700 ตอ นั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร
นายสงกานต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ตายายได้เดินทางยังศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อที่จะเข้าไปฟังรายงานการสืบเสาะและพินิจที่สำนักคุมประพฤติ ผลได้ระบุชัดเจนว่าทั้งคู่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของการทำไม้มาก่อน นอกจากนี้เรายังได้พยานหลักฐานเอกสารสำคัญเกี่ยวกับคดีนี้ ในเรื่องของจำนวน72ไร่ ในวันนี้จึงมาตามเรื่องที่เคยได้ร้องทุกข์ไว้ อีกทั้งยังถือเป็นความโชคดีที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้ให้ความสนใจกับคดีดังกล่าวเนื่องจากเป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพลพื้นที่ ประกอบกับมีการทำพยานหลักฐานเท็จปรักปรำสองตายาย จึงสั่งการให้ทางกองบังคับการปราบปรามเข้าสืบสวนและติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนของการสืบสวน

สองตายาย \"คดีเก็บเห็ด\" พาพยานปากสำคัญเข้ากองปราบ 
มอบหลักฐานเพิ่ม แสดงความบริสุทธิ์ใจ


นายสงกานต์ กล่าวอีกว่า นอกจากจะนำพยานปากสำคัญมาเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ ยังได้เตรียมยื่นหลักฐาน เป็นเอกสารรับรองจากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ที่ยืนยันว่า นายอุดมกะโหลกร้าว มีปัญหาเรื่องการได้ยิน และขาอ่อนแรง จากการประสบอุบัติเหตุ 2 ครั้ง ในปี 2551และ 2554 ซึ่งไม่ได้เกิดจากการตัดไม้ตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมนำข้อมูลของดีเอสไอและหน่วยงานที่ลงพื้นที่ รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียม มายืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่พบตอไม้ 700 ตอตามที่อยู่ในบันทึกการจับกุมด้วย
ด้าน นายสมชาด กล่าวว่า ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 มีการระบุว่าพื้นที่ถูกบุกรุกมี 52ไร่ ก่อนจะขยายเพิ่มเป็น 72ไร่ จากการตรวจสอบไม่พบของกลางดังกล่าวแต่ระบุว่า พบตอไม้ 700 ตอ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ โดยปกติในการจับพื้นที่บุกรุกจะต้องนับต้นไม้เป็น 700 ต้น และมีการบิดเบือนพื้นที่จาก 52 ไร่กลายเป็น 72 ไร่ อีกทั้งวันที่กล่าวหาว่ามีการกระทำผิดคือวันที่ 12-19 กรกฎาคม 2558 ซึ่งจากการตรวจสอบในวันที่ 12 กรกฎาคม ยังไม่มีการพบของกลาง อาจจะเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่บันทึกการจับกุม ตนจึงเข้ามาช่วยเรื่องดังกล่าวในฐานะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่รับตำแหน่งมา 30 ปี ไม่เคยพบคดีกรณีดังกล่าว การจับกุมผู้ต้องหาต้องพบของกลาง หลักฐานครบถ้วน แต่ทั้งคู่มีเพียงรถจักรยานยนต์ แต่ไม่มีมีด อุปกรณ์การตัดไม้ ดังนั้นข้อเท็จจริงมันผิดตั้งแต่บันทึกจับกุมอันแรกแล้ว