ฟรี! ค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ 9-17 เม.ย. 59 รับหยุดยาวสงกรานต์

นายสราวุธ ทรงศิวิไล รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงมาตรการรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ โดยระบุว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติให้ ทล. ทำการยกเว้นค่าผ่านทางบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ-บ้านฉาง ตอนกรุงเทพฯ-พัทยา และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน -บางพลี จำนวน 9 วันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา 00. 01 น. ของวันที่ 9 เม.ย. 2559-24.00 น. ของวันที่ 17 เม.ย. 2559

เนื่องจากปีนี้มีวันหยุดยาวถึง 9 วัน ซึ่งเป็นจำนวนสูง จึงต้องเสนอขอ ครม. เพื่อเห็นชอบให้มีการยกเว้นค่าผ่านทาง อย่างไรก็ดีปกติ ทล. มีรายได้จากการจัดเก็บค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ทั้งสองสายเฉลี่ยประมาณ 15 ล้านบาทต่อวัน ในส่วนของการอนุมัติยกเว้นค่าผ่านทางครั้งนี้จำนวน 9 วันก็จะพบว่ารัฐบาลก็จะต้องช่วยรายได้ในส่วนนี้ประมาณ 135 ล้านบาท ส่วนจำนวนรถใช้บริการมอเตอร์เวย์สายดังกล่าวเฉลี่ยอยู่ที่ 5 แสนคันต่อวัน

นายสราวุธ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของมาตรการรองรับการเดินทาง ทล. ยังมีการมอบของขวัญให้ประชาชน โดยเริ่มจัดเตรียมพื้นที่ถนนให้สะอาดจากปกติก็ทำเป็นประจำ แต่เนื่องด้วยเป็นเทศกาลทำให้ ทล. เริ่มทำความสะอาดครั้งใหญ่ตั้งแต่ช่วง 4 สัปดาห์ก่อนถึงกำหนด พร้อมทั้งยังร่วมมือกับสำนักงานตำรวจ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมจุดตรวจบริเวณเส้นทางที่มีการจรจาหนาแน่น เพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวกสบาย และสร้างความปลอดภัย
 ด้านนายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้เรียกประชุมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเพื่อหารือการจัดทำแผนอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ (ระหว่างวันที่ 8 - 18 เม.ย. 2559) โดยให้กรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ประสานงานให้ผู้รับจ้างหยุดดำเนินการก่อสร้าง ซ่อมแซม ถนนและสะพานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และ ตรวจสอบป้ายจราจร เครื่องหมายควบคุมการจราจร สัญญาณไฟจราจร ไฟฟ้าแสงสว่าง ไฟกระพริบให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานทั้งกลางวันและกลางคืน

ทั้งนี้ การให้บริการขนส่งสาธารณะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้เพิ่มตู้โดยสารรถไฟ - เที่ยววิ่ง เพิ่มจำนวนรถโดยสารประจำทาง - ไม่ประจำทาง และเที่ยวบินเสริมพิเศษจำนวน 59,718 เที่ยว จากปกติอยู่ที่ 331,197 เที่ยว โดยคาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 25.93 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่รองรับการเดินทาง 21 ล้านคน ซึ่งทุกหน่วยงานได้เพิ่มอัตราให้บริการ เช่น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) จัดให้มีรถวิ่งกะสว่าง 90 คัน เที่ยววิ่ง 540 เที่ยว คาดว่ามีผู้ใช้บริการ 1.19 ล้านคน และขอให้มีรถเชื่อมต่อสถานีขนส่งกรุงเทพ 4 สถานี ทั้งสถานีขนส่งผู้โดยสารจตุจักร ตลิ่งชัน เอกมัย และสถานีหัวลำโพง
สำหรับการเดินทางเส้นทางระหว่างจังหวัดนั้น บขส.จะเพิ่มเที่ยวรถประมาณวันละ 1,000 - 1,500 เที่ยว จากปกติอยู่ 7,000 เที่ยว และให้จัดพื้นที่นำรถโดยสารจอดที่สถานีขนส่งจตุจักร สายใต้ และเอกมัยเข้าช่องจอดก่อน 30 นาที ซึ่งหากผู้โดยสารเต็มคันให้นำรถออกทันที ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะทำการเพิ่มเที่ยววิ่งแต่ละวัน 3 - 5 เที่ยว จากปกติอยู่ที่วันละ 235 เที่ยว ขณะที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ให้ประสานกับขนส่งจัดหาแท็กซี่มาให้บริการประชาชน คาดว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการสนามบิน 3.7 ล้านคน