-กทม.-- 27ต.ค.58-- นางจุณทิชา ช่วงอรุณ รองกรรมการผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคมจำกัด(เคที) ในฐานะวิสาหกิจกรุงเทพมหานคร(กทม.)กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัททดลองให้บริการรถผู้พิการและผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นหรือวีลแชร์มาเป็นระยะเวลา 2 ปีกว่า บริษัทได้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลทั้ง ข้อมูลผู้เรียกใช้บริการพื้นที่เรียกใช้บริการประจำจุดหมายที่ไปรวมถึงสถิติค่าใช้จ่ายต่างๆหรือการเปรียบเทียบการให้บริการผู้ที่ใช้วีลแชร์กับรถแท็กซี่ รถพยาบาลและรถบริการอื่นฯ เพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงคุณภาพทั้งกายภาพรถและการให้บริการอย่างต่อเนื่องโดยไม่เก็บอัตราค่าโดยสารถึงปัจจุบัน และได้รับการยอมรับจากผู้โดยสารที่มาใช้บริการ โดยได้พิจารณาจากแบบสอบถามผู้ใช้บริการและโซเชียลเน็ตเวิร์คขณะที่สถิติการให้บริการมีการเรียกใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือน 1,648 งาน จากจำนวนรถให้บริการ 30 คันโดยสถานที่เป้าหมายการเดินทางสูงสุดที่โรงพยาบาล ร้อยละ 31 ห้างสรรพสินค้าและตลาดร้อยละ 25 ศูนย์คนพิการ ร้อยละ 14 บ้านเพื่อนหรือญาติ ร้อยละ 11 ส่วนที่เหลือเดินทางไปยังสถานที่ทั่วไป อาทิ สถานที่ราชการ สถาบันการศึกษา วัด โบสถ์ เป็นต้น
นางจุณทิชากล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำหรับค่าบริการนั้นตามแผนจะเริ่มเก็บค่าบริการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2558 ในอัตราเดียวกับแท็กซี่เริ่มต้น 35 บาทบวกค่าเรียกใช้บริการ 50 บาทแต่เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระของผู้ใช้บริการกทม. จึงขอให้เรียกเก็บเฉพาะค่าโดยสารไปก่อนและส่วนค่าเรียกใช้บริการ 50 บาทจะเริ่มเก็บในวันที่ 1 มี.ค. 2559 เป็นต้นไปอย่างไรก็ตามอัตราค่าโดยสารที่เรียกเก็บรวมค่าเรียกใช้บริการนั้นมีอัตราต่ำกว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายจริงมากถึงแม้กทม.จะสนับสนุนงบประมาณร้อยละ 60 ก็ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายแต่เพื่อให้ประชาชนกลุ่มนี้ได้มีสิทธิการเดินทางที่สะดวกมีค่าใช้จ่ายที่เท่าเทียมกับกลุ่มบุคคลอื่น บริษัทจึงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินเอง โดยจะจัดกิจกรรมเพื่อเชิญชวนให้หน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมโครงการสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ ของตัวรถหรืออาจเป็นสิ่งของหรือการบริการที่บริษัทนั้นดำเนินกิจการอยู่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงให้มากที่สุด
"จากการเปิดทดลองเดินรถพร้อมศึกษาและเก็บสถิติการเดินทางพบว่าผู้โดยสารร้อยละ 84 จะใช้บริการโดยไปส่งและรอรับกลับทำให้ไม่สามารถให้บริการเหมือนแท็กซี่ทั่วไปได้ดังนั้นเมื่อคำนวณออกมาจะมีค่าใช้จ่ายสูงมากกว่าแท็กซี่ทั่วไปรายได้ที่เข้ามาจึงไม่สมดุลกับรายจ่ายแต่บริษัทมีนโยบายที่จะดำเนินการต่อไปเพราะเห็นว่ามีประโยชน์กับประชาชน" นางจุณทิช กล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติม facebook.com/KrungthepThanakom