ด้านพระอธิการวิทยา วิรัตน์ทโน อายุ 30 ปี พระลูกวัดพบสุข ที่เป็นผู้ออกแนวคิดและเป็นช่างทาสีเอง กล่าวว่า เดิมที่วัดพบสุข นั้นมีชื่อเก่าว่า วัดไทยชัยมงคล และได้มีการก่อสร้างเมรุหลังดังกล่าวขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2533 โดยในครั้งแรกนั้นมีสีขาว แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสีขาวก็เริ่มหมอก ทำให้ญาติโดยที่ผ่านไปผ่านมาในช่วงเวลากลางคืนนั้นรู้สึกกลัว ทำให้ทางวัดนั้นจึงมีการบูรณะเมรุหลังดึงกล่าวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา ตนจึงมีความคิดว่า ควรที่จะทาสีเมรุให้มีสีที่สดใส เพราะเมื่อประชาชนที่ผ่านมาไปมาจะได้ไม่กลัว อีกทั้งเมื่อญาติโดยที่มาเผาศพจะได้ไม่ต้องรู้สึกโศกเศร้ามากกว่าเดิม ตนจึงตัดสินใจทาสีเมรุเป็นชมพูทั้งหมด
นอกจากนั้นยังได้นำสีชมพูไปทาที่ศาลาบำเพ็ญกุศลศพ และรถราชรถที่ใช้ในการเข็นศพ รอบเมรุด้วยเช่นกันและหลังจากที่ตนได้บูรณะเมรุให้เป็นสีชมพู ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันมา เป็นสีที่ดูแล้วสดใส ไม่น่ากลับเหมือนแต่ก่อน ซึ่งตนเองยังแปลกใจว่า หลังจากที่ทางวัดได้ทาสีเมรุเป็นสีชมพู กลับพบว่าจากเดิมที่วันเคยมีงานศพ เดือนละ 4-5 งาน ก็พบว่าลดลงเหลือเพียงเดือนละ 1 งาน หรือบางเดือนก็แทบไม่มีคนเสียชีวิต ซึ่งชาวบ้านบางรายก็คิดว่าอาจจะเป็นการแก้เคล็ดอีกทางหนึ่ง