svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เรียกเก็บภาษี "ทักษิณ" 1.7 หมื่นล้าน นำใบแจ้งไปปิดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า 28 มี.ค.นี้

มีความคืบหน้าการเรียกเก็บภาษี 1.7 หมื่นล้านบาท จากอดีตนายกรัฐมนตรี โดยกรมสรรพากร เตรียมนำไปแจ้งไปปิดที่หน้าบ้านจันทร์สอ่งหล้าในวันพรุ่งนี้

อธิบดีกรมสรรพากร ประสงค์ พูนธเนศ บอกถึงการประเมินเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องดำเนินการก่อนหมดอายุความภายในวันศุกร์ที่ 31 มีนาคมนี้ ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวเลขเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป เพราะยังไม่ได้รับรายงานสรุปข้อมูลภาษีหุ้นชินคอร์ปว่าจะต้องจ่ายยอดเท่าไหร อยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ตามขั้นตอนปกติของกระบวนการทางกฎหมาย หากได้ข้อสรุปแล้วเจ้าหน้าที่จะนำใบแจ้งที่ต้องชำระภาษีส่งทางไปรษณีย์ หรือนำไปส่งมอบให้กับบุคคลภายในบ้านของผู้ที่ต้องเสียภาษีรับใบแจ้งให้รับทราบเป็นลำดับแรก แต่หากมีการปฏิเสธหรือไม่สามารถนำส่งใบแจ้งได้ ขั้นตอนต่อไปจึงจะนำใบแจ้งดังกล่าวไปปิดบริเวณบ้านที่เห็นได้ชัดเจน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มขั้นตอนนำส่งใบแจ้ง เพราะยังไม่มีการสรุปตัวเลขที่ชัดเจนว่าจะต้องจ่ายเท่าไร
มีรายงานว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้ข้อสรุปการประเมินเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปจากอดีตนาย ทักษิณแล้ว เป็นจำนวนเงินภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่มรวมทั้งสิ้นกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท กำหนดจะนำใบแจ้งไปปิดหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ จากนั้นผู้เสียภาษีสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน คณะทำงานของกรมสรรพากรสรุปให้ประเมินภาษีตามแนวทางที่ว่ามีการซื้อหุ้นราคาต่ำกว่าราคาตลาด ในช่วงที่บริษัทแอมเพิลริชขายหุ้นให้นอมินีของอดีตนายกรัฐมนตรีในราคาหุ้นละ 1 บาท ต่ำกว่าราคาตลาดตอนนั้นที่อยู่ที่ 49.25 บาทต่อหุ้น
ล่าสุดมีข้อสรุปเกี่ยวกับการประเมินภาษีออกมา ภายใต้มาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร ตามที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเสนอมา โดยแนวทางของรัฐบาลคือให้กรมสรรพากรหาทางประเมินให้ได้ไปก่อน
ขณะที่ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ บอกว่า จะนำเอกสารหลักฐานที่พบทั้งหมดไปแจ้งเตือนต่อ คุฯประสงค์ พูนธเนศ เพื่อให้พิจารณายุติการประเมินภาษี 1.6 หมื่นล้านบาท จากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ เพราะเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2553 ศาลฎีกาพิพากษาให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท ทำให้ศาลภาษีกลางมีคำพิพากษาตัดสินเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2553 สรุปได้ว่า เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าหุ้นชินคอร์ปที่ขายให้เทมาเสกยังคงเป็นของคุณทักษิณและคู่สมรส การเรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา จึงไม่ชอบให้เพิกถอนการประเมิน