นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวการเจรจาะหว่างตัวแทนของวัดพระธรรมกายกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อเข้าตรวจค้นเพิ่มเติมพื้นที่บริเวณในวัดพระธรรมกายว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องค้นให้สิ้นข้อสงสัยและตอบคำถามประชาชน รัฐบาล และศาล ที่ออกให้หมายค้นและหมายจับให้ว่า ค้นพบหรือไม่พบตัวผู้ต้องหาอย่างไร ซึ่งตนได้กำชับไปแล้วว่าขอปฎิบัติตามกฎหมายและทำงานด้วยความอดทน อย่าทำนอกกติกาหรือกฎหมาย และต้องการได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวยุติโดยเร็ว โดยการตรวจค้นทุกครั้งจะมีตัวแทนของกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยตลอดรมว.ยุติธรรม กล่าวอีกว่า การตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมีหลายแนวทาง และจะไม่มีขีดเส้นตายว่าต้องแล้วเสร็จเมื่อใด เพราะตามมาตรา 44 ที่ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นเขตควบคุมพิเศษ เจ้าหน้าที่สามารถเข้าค้นได้ตลอด แม้ว่าหมายค้นจะขอไว้เพียง 10 วันก็ตาม ส่วนการค้นจะสิ้นสุดลงเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รายงานเข้ามา จะพบตัวพระธัมมชโยหรือไม่ได้ ยังไม่สามารถตอบได้ อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นวัดพระธรรมกายมี 2 อย่าง คือ การค้นหาพระธัมมชโยตามหมายจับ ซึ่งจะพบหรือไม่พบเป็นเรี่องของผลปฎิบัติการ และดำเนินการให้วัดพระธรรมกายให้เหมือนกับวัดปกติทั่วไปซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) มหาเถรสมาคม ซึ่งคณะปกครองสงฆ์จะต้องเข้าไปดำเนินการต่อไปนายสุวพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาได้มีการหารือทั้งโทรศัพท์คุยและประชุมร่วมกันกับตัวแทนของมหาเถรสมาคมและพระเลขาฯของสมเด็จพระสังฆราชมาโดยตลอด เนื่องจากทุกฝ่ายมีความเป็นห่วงแต่ท่านไม่ได้เสนอแนวทางอะไรมา เพราะขณะนี้เป็นการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนหลังจากนี้กระทรวงยุติธรรมจะเข้าไปดำเนินการร่วมกับพ.ศ.หรือมหาเถรสมาคมหรือไม่นั้นขอให้จบภารกิจตามมาตรา 44 ก่อนเมื่อถามว่า มีการแจ้งความดำเนินคดีกับพระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส พระวัดธรรมกายที่นำเบอร์โทรศัพ์ไปโพสต์ลงเฟชบุ๊คหรือไม่ รัฐมนตรียุติธรรม กล่าวเพียงสั้นๆว่า "ผมไม่ทะเลาะกับพระ ใครทำอะไร สังคมย่อมรู้ดีว่า อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ"