แจ้งวัฒนะ -4 ก.พ. 57 ที่เวทีกปปส.ศูนย์ราชการ หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวถึงกรณีที่นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ระบุว่าเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมมีมติว่าหลวงปู่ฯทำผิดพระธรรมวินัยของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สืบเนื่องจากการชุมนุมและชักชวนประชาชนให้ทำผิดกฎหมายกรณีขัดขวางการเลือกตั้ง ว่า อาตมาไม่ให้ราคา พศ.เพราะหากสามารถดำเนินการกับอาตมาได้ตามกฎหมายจริงก็คงจัดการไปนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้มานำการชุมนุมนานถึง 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดพระธรรมวินัยข้อใด และหากเห็นว่าผิดวินัยข้อใดก็ขอให้ระบุมาให้ชัดเจน ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นหนังสือตักเตือนจากเจ้าคณะจังหวัด เพราะไม่ได้อยู่จำวัดเลยไม่ทราบว่ามีหนังสือส่งไปถึงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การอ้างทำผิดวินัยของมหาเถรฯหากเทียบกับรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นกฎหมายสูงสุดแล้วก็ถือว่าอาตมาไม่ได้ทำผิดเพราะตามรัฐธรรมนูญระบุให้บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันในการแสดงความเห็นทางการเมือง ดังนั้นกฎหมายอื่นที่ขัดกับรัฐธรรมนูญถือเป็นโมฆะ พศ.ไม่มีอำนาจสึกอาตมา ส่วนเจ้าคณะจังหวัดก็คงไม่กล้าดำเนินการอะไร เพราะเป็นคู่ปรับเก่าคงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ซึ่งการออกมาให้ข้อมูลดังกล่าวยอมรับว่าส่งผลต่อภาพลักษณ์การชุมนุมและทำให้ศิษย์หลายคนเป็นห่วง เป็นการออกมาสร้างข่าวเพื่อสร้างความกังขากับสังคม ทั้งนี้ตามกฎหมายหากจะสึกพระได้ก็ต่อเมื่อต้องคดีอาญามาตราใด มาตราหนึ่งและคดีถึงที่สุดแล้ว แต่ขณะนี้คดีเพิ่งจะเริ่มต้นการขอออกหมายจับ ซึ่งหากศาลอนุมัติหมายจับก็ต้องมอบอำนาจให้ทนายความไปร้องขอถอนหมายจับและต่อสู้คดีกันต่อไปจนถึงที่สุด หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าว หลวงปู่ฯ กล่าวอีกว่า ล่าสุดอาตมาถูกตั้งค่าหัวจากนักการเมืองจังหวัดราชบุรีราคาสูงถึง 20 ล้านบาท โดยส่งกลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบทั้งชายและหญิงเข้ามาแฝงตัวเป็นการ์ดและพยายามหาจังหวะมาทำงานใกล้ชิดและมีพฤติกรรมปั่นป่วนทำให้ภาพลักษณ์การชุมนุมเสียหาย เช่นการขู่สื่อมวลชนและผู้ชุมนุมและชาวบ้านรอบพื้นที่การชุมนุม อย่างไรก็ตาม อาตมาได้ถ่ายภาพและส่งข้อมูลไปยังกปปส.เวทีอื่นเพื่อให้เฝ้าระวัง และได้ขับไล่ออกจากพื้นที่ไปแล้ว แต่ยังเหลือกลุ่มต้องสงสัยอีก 5-6 ราย ที่มีพฤติกรรมคอยส่งข่าวและล็อคเป้าแกนนำหมายจะเอาชีวิตด้วย หลวงปู่ฯ กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น. ได้นัดกรมการกงสุลเข้ามาเจรจาเพื่อจะทำข้อตกลงเปิดพื้นที่ให้บริการประชาชน และในเวลา 14.30 น. ได้นัดหมายกับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เข้าพบเพื่อจะเปิดให้ข้าราชการกกต.เข้ามาทำงานได้ในศูนย์ราชการ อาคารบี ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จะส่งพ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เข้าพบเพื่อเจรจาขอคืนพื้นที่ดีเอสไอ อาตมายังไม่ได้รับการติดต่อ แต่หากติดต่อมาก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้เข้าพบ ด้าน พ.ต.ท.ถวัล กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ไปเจรจาขอความเมตตาจากหลวงปู่ฯเพื่อขอเปิดทำการดีเอสไอ โดยจะนำข้อมูลประกอบการชี้แจงเพื่อให้รับทราบว่าดีเอสไอไม่ได้ทำเฉพาะคดีการเมือง หรือการชุมนุมเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีงานในส่วนการช่วยเหลือประชาชน และคดีอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนอีกมาก เช่นคดีฉ้อโกง หลอกลวงประชนของกลุ่มแชร์ลูกโซ่ ซึ่งสถานการณ์ชุมนุมขณะนี้เริ่มผ่อนคลายลงแล้วจึงจะขอให้หลวงปู่ฯกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเข้า-ออกพื้นที่เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย