svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ปูตินเตรียมขายน้ำมัน-ก๊าซรัสเซียผ่าน Bitcoin

ปูตินหวังขายน้ำมันและก๊าซรัสเซียผ่านทาง Bitcoin นัดพบผู้ก่อตั้ง Ethereum หนึ่งในสองขาใหญ่ที่มีการเทรดเงินทางดิจิตัล หรือ Cryptocurrencies ทำการสร้างสกุลเงิน Bitcoin ที่สามารถอ้างอิงการค้าในอุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันของรัสเซีย เพื่อให้มีระบบการซื้อขายที่กระจายตัวทางด้านเงินดิจิตัลและมีสภาพคล่องมากขี้นในตลาดโลก

ขณะที่หุ้นแอปเปิลสูญมาร์เก็ตแคป 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากราคาหุ้นที่ร่วงลงถึง 2.5% โดยมาจากการเทขายทำกำไรอย่างหกนักในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาด Nasdaq ของสหรัฐเพียงช่วงเวลา 2 วัน ซึ่งดัชนีหุ้น Nasdaq ร่วงลงกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายหุ้นในวันศุกร์และวันจันทร์ หลังจากที่ราคาหุ้นในตลาด Nasdaq ได้ให้ผลตอบแทนสูงถึง 21% ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา
ทางด้านทีมงานทำเนียบขาวของทรัมป์เดินหน้ากดดันรัฐบาลจีนให้คว่ำบาตรเป็นอันดับแรกต่อ 10 บริษ้ทของจีนที่ทำการค้าขายกับเกาหลีเหนือ โดยพบว่า การค้าระหว่างประเทศของเกาหลีเหนือ 90% ดำเนินการผ่านทางจีน เพื่อหยุดยั้งการทดสอบยิงขีปนาวุธนิวเคคลียร์ของเกาหลีเหนือ

1.ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน วางยุทธศาสตร์กระจายตัวทางด้านเศรษฐกิจของรัสเซียให้มีการค้าขายก๊าซและน้ำมันผ่านทาง Bitcoin โดยนัดพบผู้ก่อตั้ง Ethereum หนึ่งในสองขาใหญ่ที่มีการเทรดเงินทางดิจิตัล หรือ Cryptocurrencies ทำการสร้างสกุลเงิน Bitcoin ที่อ้างอิงการค้าในอุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันของรัสเซีย เพื่อให้มีระบบการซื้อขายที่กระจายตัวทางด้านเงินดิจิตัลและมีสภาพคล่องมากขี้นในตลาดโลก

โดยอาศัย Blockchain ที่จะทำให้การซื้อขายเปลี่ยนมือมีความปลอดภัยที่จะทำให้เกิดเป็น International Credit Letters ผ่านเครือข่ายของ Ethereum ที่เชื่อมโยงกับ JPMorgan, Intel, Microsoft และบริษัทบลูชิบชั้นต่ำ

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินยังต้องการให้เป็นทางเลือกใหม่ที่จะใช้เงินดอลลาร์สหรัฐลดลง หลังจากที่รัสเซียต้องเผชิญกับปัญหาการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากสหรัฐนับตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา และอีกหลายประเทศในยุโรปตะวันตก จนทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมตกต่ำลงในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา


2.ธนาคารกลางรัสเซียได้อนุญาตที่จะให้มีการนำร่องทดลองระบบซื้อขายกับ Ethereum แล้ว ซึ่งปัจจุบัน Ethereum ทำการเทรด Bitcoin เป็นมูลค่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยที่คาดว่าจะมีวงเงินสูงขึ้นเป็น 4.3 หมื่ยล้านดอลลาร์ช่วงปลายปี 2018
สำหรับ Blockchain เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูลอย่างหนึ่ง ที่ทำเป็นข้อมูล Digital Transaction ที่สามารถแชร์เป็นลูกโซ่ (Chain) ไปยังนักลงทุนแต่ละคนเป็นบล็อกๆ ได้ เพื่อให้รู้ถึงความเป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลนั้นจริง โดยที่ Blockchain นี้จะเป็นโมเดลของ Bitcoin ในการซื้อขายก๊าซและน้พมันรัสเซียได้อย่างมีความปลอดภัย


3.ขณะที่แรงขายหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐเกิดขึ้นเป็นวันที่สองในวันจันทร์ โดยที่หุ้นแอปเปิลสูญมาร์เก็ตแคป 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากการเทขายทำกำไรอย่างหกนักในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาด Nasdaq ของสหรัฐเพียงช่วงเวลา 2 วันนับจากวะนศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีหุ้น Nasdaq ร่วงลงกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายหุ้นในวันศุกร์และวันจันทร์ หลังจากที่ราคาหุ้นในตลาด Nasdaq ได้ให้ผลตอบแทนสูงถึง 21% ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา
ดัชนีหุ้น Nasdaq ร่วงลงอีก 0.52% ต่อจากวันศุกร์ที่ดิ่งลงถึง 1.8% ปิดการซื้อขายในวันอังคารที่ 6,175 โดยที่ราคาหุ้นแอปเปิลร่วงลงถึง 2.5% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟต์ร่วงลง 0.8%


4.ทางด้านทีมงานทำเนียบขาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้ากดดันจีนให้คว่ำบาตรในอันดับแรกต่อ 10 บริษ้ทของจีนที่ทำการค้าขายกับเกาหลีเหนือ โดยพบว่า การค้าระหว่างประเทศของเกาหลีเหนือ 90% ดำเนินการผ่านทางจีน เพื่อหยุดยั้งการยิงขีปนาวุธนิวเคคลียร์ของเกาหลีเหนือ เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2017 เกาหลีเหนือยังคงมีการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ราว 11-12 ครั้ง โดยที่ไม่หวั่นต่อคำขู่ของทรัมป์
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวได้มีการตีแผ่รายงาน CAADS ซึ่งเป็ยสำนักวิจัยที่เป็นกลางในกรุงวอชิงตันดีซึ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2013-2016 ว่า บริษัทของจีนที่ทำการค้าขายกับเกาหลีเหนือมีจำนวนมากถึง 5,233 บริษัท


5.รัฐบาลซิมบับเวประกาศทำสงครามการเงินเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน หันมาใช้ระบบคูปองที่เรียกว่า Bond Notes แทนการพิมพ์เงินธนบัตรออกมาใช้หมุนเวียนในตลาด เพื่อขจัดเงินที่อยู่ในตลาดมืดที่มีอิทธิพลทำให้ธนบัตรเงินของซิมบับเวตกต่ำจนแทบจะไม่มีค่าใดๆ ที่จะนำมาเปรียบเทียบเป็นมูลค่าที่แท้จริงได้มานานับทศวรรษที่ผ่านมา
เนื่องจากประเทศซิมบับเวต้องเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง หรือ Hyperinflation อย่างต่อเนื่องมานานหลายสิบปี ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2008 ค่าเงินในธนบัตรของซิมบับเวที่ผลิตออกมาใช้หมุนเวียนในตลาดต้องจัดพิมพ์หน้าธนบัตรที่ต้องระบุเป็นมูลค่าถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์ซิมบับเวต่อดอลลาร์ เพื่อนำมาซื้อพลังงานไฟฟ้า
โดยที่ Reserve Bank of Zimbabwe (RBZ) ซึ่งมีฐานะเป็นธนาคารกลาง จะทำหน้าที่เข้ามาสอดส่องการทำงานของตลาดการเงินของซิมบับเวให้มีอิสระและมีประสิทธิภาพในระบบการแลกเปลี่ยนมากขึ้น โดยหวังที่จะใช้ Bond Notes เป็นเครื่องมือทางการเงินต่อสู้และทำลายตลาดมืดที่คอยฉุดค่าเงินทรุดตัวในช่วงที่ผ่านมา