นายพรศักดิ์ ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าเวลาประมาณ 05.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากเลิกงานได้ขับขี่รถจักรยานยนต์แวะซื้อไก่ทอดไปฝากแฟนสาวที่ห้องพักแห่งหนึ่งกลางซอยกอไผ่ เมื่อมาถึงบริเวณกลางซอยดังกล่าวได้มีชายวัยรุ่นจำนวน 1 คน สวมเสื้อสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ใส่รองเท้าผ้าใบ สะพายกระเป๋า พกวิทยุสื่อสาร ขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ซูเมอร์เอ็กซ์ สีขาว ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าประกบข้างแล้วบอกให้ตนเองจอดข้างทาง
ทังนี้ ด้วยความกลัวนึกว่าวัยรุ่นจะตามทำร้ายจึงขับหลบหนีมาที่ห้องพักแฟนสาว จากนั้นชายบุคคลดังกล่าววิ่งไล่ติดตามขึ้นมาเข้าจับกุมตัว โดยอ้างตัวตำรวจอาสาสมัครพร้อมอ้างด้วยอีกว่าหากหลบหนี จะยิงให้ตาย ก่อนจะข่มขู่กรรโชกทรัพย์สินเป็น ไอโฟน 4 จำนวน 1 เครื่อง และเงิน 400 บาท ต่อมาไม่นานได้มีตำรวจอาสาสมัครชาย โดยสังเกตที่โลโก้ พบว่าเป็นอาสาสมัคร สังกัด สภ.เมืองพัทยา เข้ามาสมทบ ก่อนที่บังคับให้เปิดห้องพัก
ด้าน น.ส.นิตยา ให้การด้วยอีกว่า เมื่อแฟนหนุ่มของตนเปิดประตูมาก็ถึงกับตกใจ เมื่อแฟนหนุ่มถูกชายวัยรุ่นและตำรวจอาสาสมัครควบคุมตัวอยู่ ก่อนที่จะสั่งให้การแฟนหนุ่มเข้าไปอยู่ในห้องพัก จากนั้นชายวัยรุ่นและอาสาสมัครได้เรียกตนเองออกมาจากห้องพัก โดยอ้างว่าจะนำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกายที่สถานีตำรวจ ทั้งนี้ จึงหลงกลตามพวกดังกล่าวไป โดยในระหว่างที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ชายวัยรุ่นก็ได้ชักชวนไปร่วมหลับนอนด้วย
ขณะนั้นจึงปฏิเสธข้อเสนอชายวัยรุ่นดังกล่าวไป ก่อนที่ชายวันรุ่นจะพามาที่ร้านมือถือแห่งหนึ่ง ย่านถนนพัทยาสายสาม ก่อนที่จะข่มขู่บังคับเอาบัตรประชาชนไป โดยให้อาสาสมัครชายคุมตัวตนเองไว้ข้างนอกบริเวณร้าน จากนั้นชายวัยรุ่นได้นำโทรศัพท์มือถือของแฟนหนุ่มที่ถูกกรรโชกไปตั้งแต่แรกเข้าไปจำนำที่ร้านมือถือแห่งดังกล่าว โดยใช้บัตรประชาชนเป็นผู้จำนำไว้ หลังจากนั้นชายวัยรุ่นได้เดินออกจากร้านพร้อมด้วยเงินจำนวน 3,300 บาท ขณะนั้นตอนจึงอ้อนให้ปล่อยตัวพร้อมกับขอเงินจำนวน 100 บาท เพื่อเป็นค่ารถจักรยานยนต์กลับห้องพัก เมื่อพวกบุคคลดังกล่าวยืนเงินให้ก็พากันหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ภายหลังเกิดเหตุจึงปรึกษาญาติๆแล้วเดินทางเข้าแจ้งความดังกล่าว
ภายหลังจาการสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้เสียหายสองผัว-เมียคู่ดังกล่าว ไปชี้จุดเกิดเหตุพร้อมกับไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดร้านมือถือที่กลุ่มผู้ก่อเหตุนำมาจำนำไว้ ทั้งนี้ พบว่าสามารถบันทึกรูปพรรณสัณฐานชายวัยรุ่นที่นำโทรศัพท์มือถือผู้เสียหายเข้ามาจำนำไว้ได้อย่างชัดเจน ส่วนตำรวจอาสาสมัครชายที่อยู่ในเครื่องแบบที่ร่วมแก๊งอยู่นั้นจะไปตรวจสอบกล้องตัวอื่นๆเพื่อเป็นเบาะแสในการจับกุมตัวไป